กทม.12 ม.ค.-ผบ.ตร.นำทีมลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเหตุความไม่สงบชายแดนใต้ พร้อมให้กำลังใจผู้ปฏิบัติหน้าที่
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า สืบเนื่องจากห้วงระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เกิดเหตุความไม่สงบในหลายพื้นที่ ทั้งยังเกิดคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จึงนำผู้บังคับบัญชาและผู้เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการสืบสวนจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุใน 3 คดีสำคัญคือวางเพลิงเผารถโดยสารประจำทาง สายเบตง- กรุงเทพฯ ที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อ 17 ธ.ค.60,เหตุลอบวางระเบิด จนท.ทหารพราน ชป.ร้อย ทพ.4303 ฉก.ทพ.43 ขณะนำกำลังเข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายเผากล้องวงจรปิด ที่ อ.หนองจิก จว.ปัตตานี เมื่อ 10 ม.ค.60 เหตุฆ่ายกครัว 3 ศพ ที่ อ.ทุ่งยางแดง จว.ปัตตานี เมื่อ 10 ม.ค.60 ที่ผ่านมา
ก่อนแถลงว่า เหตุวางเพลิงเผารถโดยสารประจำทาง ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้สืบสวนติดตามและบูรณาการกำลังจน สามารถคุมตัวผู้ต้องสงสัยตามกฎอัยการศึก 23 คน เป็นผู้ต้องสงสัยที่ให้การรับสารภาพ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ 11 คน และให้การสนับสนุน 3 คนย และ ออกหมายจับ ป.วิ อาญา 4 คน, เหตุลอบวางระเบิด จนท.ทหารพราน ชป.ร้อย ทพ.4303 ได้สืบสวนติดตามและบูรณาการกำลัง จนสามารถคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ 2 คน อีกทั้งยังพบว่าผู้ก่อเหตุ มีหมายจับคดีมั่นคง และหมายจับ พ.ร.ก.อยู่จำนวนหลายหมาย ทั้งนี้ได้เน้นย้ำตำรวจในพื้นที่ ขับเคลื่อนนโยบายด้านความมั่นคง ของนายกฯและรองนายกฯให้เกิดความสงบสุข ร่มเย็น และสร้างความสุขให้ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างชัดเจน ก่อให้ความมั่นใจและเพิ่มความปลอดภัย ได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามโมเดล Thailand 4.0
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังเน้นย้ำให้ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ เพิ่มมาตรการด้านการข่าว ความเข้มงวดในการตรวจตราสถานที่ต่างๆ และงานด้านการสืบสวน ตลอดจนการออกตรวจตราดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน รวมทั้งงานด้านพยานวัตถุของกลาง นิติวิทยาศาสตร์ โดยเน้นการป้องกันปัญหาอาชญากรรมเป็นสำคัญ ในการยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้อีก และ หากเกิดเหตุแล้วต้องสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับพี่น้องประชาชน หากสามารถลดการเกิดอาชญากรรมได้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ อีกทั้งยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนที่เข้ามาทำธุรกิจด้วย.-สำนักข่าวไทย