ปิดคดีรับผิดแทน “ครูจอมทรัพย์” ตร.ส่งสำนวนให้อัยการ

นครพนม 28 ธ.ค.-ตำรวจนครพนมนำสำนวนการสอบสวนขบวนการรับผิดแทน น.ส.จอมทรัพย์ ศรีบุญหอม หรือแสนเมืองโคตร ส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาสั่งคดีแล้ว หลังสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมาเกือบ 40 วัน โดยผู้ต้องหาเป็นพลเรือน 11 คน ส่วนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอส่งให้สำนักงาน ป.ป.ช.พิจารณา 7 คน และให้ต้นสังกัดพิจารณาความบกพร่องอีก 7 คน ขณะที่ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ถูกกันไว้เป็นพยาน


หลังศาลฎีกายกคำร้อง น.ส.จอมทรัพย์ ศรีบุญหอม หรือแสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครูใน จ.สกลนคร ขอรื้อฟื้นคดีขับรถชนคนตายในพื้นที่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม เมื่อปี 2548 โดยคำพิพากษาระบุถึงขบวนการรับผิดแทนครูจอมทรัพย์อย่างชัดเจน จากที่เคยตกเป็นจำเลยสังคมว่าตำรวจจับครูจอมทรัพย์เป็นแพะรับบาป


หลังคำพิพากษาออกมา 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตำรวจภูธรภาค 4 แต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนเร่งเดินหน้าจนสามารถเอาผิดได้ทั้งขบวนการ นำโดยครูจอมทรัพย์ นายสุริยา นวนเจริญ หรือครูอ๋อง ผู้จัดตั้งขบวนการ นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อดีตสามีครูจอมทรัพย์ นายสับ วาปี ที่หลอกว่าเป็นผู้ก่อเหตุตัวจริง ก่อนรับสารภาพภายหลังว่า ถูกครูอ๋องว่าจ้าง 400,000 บาท แต่ได้รับเงินจริงเพียง 3,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีภรรยานายสับ ประจักษ์พยาน กลุ่มเพื่อน ญาติ และทนายความ รวม 11 คน โดยข้อหาที่ถูกแจ้งร่วมกันทั้งหมดคือ ซ่องโจร ส่วนข้อหาเบิกความเท็จ และแจ้งความเท็จ ถูกแจ้งแตกต่างกันออกไปตามพฤติการณ์ของแต่ละคน โดยครูอ๋อง ถูกเอาผิดหนักที่สุด 6 ข้อหา ขณะที่ครูจอมทรัพย์ 2 ข้อหา คือ ซ่องโจร และร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในข้อสำคัญในคดีในการพิจารณาคดีอาญา


วันนี้ตำรวจนครพนมสรุปสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 9 คน ส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาสั่งคดี หลังจากที่ส่งไปก่อนหน้าแล้ว 2 คน คือนายสับ วาปี และภรรยา รวมระยะเวลาสอบสวน 39 วัน

ส่วนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 14 คนที่ไปช่วยราชการกระทรวงยุติธรรมเดินเรื่องรื้อฟื้นคดีครูจอมทรัพย์ พนักงานสอบสวนพิจารณาแล้ว 7 คน ตามคำสั่งแรก บกพร่องเล็กน้อย แจ้งให้ต้นสังกัดพิจารณา ชุดที่ 2 อีก 7 คน เข้าข่ายปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่งให้สำนักงาน ป.ป.ช.พิจารณา หลังปรากฏชัดว่า ครูอ๋อง และนายสับให้การเท็จ แต่ยังเดินหน้าช่วยครูจอมทรัพย์ต่อ ส่วน พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ถูกกันไว้เป็นพยาน

ผู้ต้องหาพลเรือน 11 คน ได้รับการประกันตัว 9 คน มีเพียงครูจอมทรัพย์ และครูอ๋อง เพื่อนสนิท ที่ยังถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางนครพนม โดยพนักงานอัยการมีเวลาพิจารณาสั่งคดีอีก 9 วัน ก็จะครบอำนาจการฝากขังผู้ต้องหา 4 ผัด 48 วัน แต่หากพิจารณาไม่ทัน ก็สามารถขอขยายเวลาการยื่นฟ้องผู้ต้องหาเป็นจำเลยต่อศาลได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง