ชุมพร 21 ธ.ค. – พ่อแม่ “หมอปอ” ลั่นไม่มีกำหนดเผาลูก ต้องรอดูผลคดี เพราะยังข้องใจตำรวจไม่จับกิ๊กว่าที่เจ้าบ่าว ทั้งที่เป็นคนขับรถเก๋งไปส่งและรับ และหลังก่อเหตุยังพาหลบหนี
จากกรณีที่นายรณชัย ปานชาติ หรือ เก่ง อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ อ.หลังสวน ว่าที่เจ้าบ่าว สวมหมวกไอ้โม่งไหมพรม ใช้ปืนลูกซองสั้นบุกยิง น.ส.นนทิญา ครัวจัตุรัส หรือ ปอ อายุ 25 ปี เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสลุย ว่าที่เจ้าสาวที่จะแต่งงานกันในอีก 5 วัน เสียชีวิตภายในห้องนอนชั้น 2 บ้านพักข้าราชการ หมู่ 5 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา ต่อมาตำรวจจับกุมตัวว่าที่เจ้าบ่าว สาเหตุไม่อยากแต่งงานด้วย เนื่องจากมีกิ๊กคนใหม่ ซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกัน
ความคืบหน้าเมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ธ.ค.) ที่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 10 ต.ทุ่งระยะ อ.สวี จ.ชุมพร สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ น.ส.นนทิญา ครัวจัตุรัส หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หมอปอ” ซึ่งเป็นคืนแรก หลังนำศพกลับจากสถาบันนิติเวช จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีญาติและชาวบ้านมาร่วมงานกว่า 100 คน หลังสวดพระอภิธรรมศพ มีการประกาศว่า พ่อแม่และญาติของผู้เสียชีวิตจะบำเพ็ญกุศลศพไปอย่างไม่มีกำหนดเผา เพื่อรอความเป็นธรรมให้กับผู้ตาย เนื่องจากคดียังไม่มีความชัดเจน ยังไม่มั่นใจการดำเนินคดีของตำรวจ และหากไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะนำศพไปประท้วงเรียกร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร
นายเชาว์ ครัวจัตุรัส อายุ 54 ปี และนางสมศรี ครัวจัตุรัส อายุ 51 ปี พ่อแม่ของ น.ส.นนทิญา กล่าวว่า ครอบครัวตนยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กับนายรณชัย ว่าที่ลูกเขย ซึ่งมีพฤติกรรมร่วมกันกระทำความผิด รู้เห็นตั้งแต่เตรียมการ และยังเป็นคนขับรถเก๋งไปส่งและรับนายรณชัย ก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ ทั้งยังพาหลบหนีและนำของกลางบางส่วนไปทิ้งลงคลอง อีกทั้งตนรู้ดีว่า นายรณชัยเป็นคนหัวอ่อน จะต้องมีคนชักนำ หรือกดดันให้ก่อเหตุ ที่ผ่านมานายรณชัยเข้าออกและอาศัยอยู่ที่บ้านของตนเป็นประจำ ไม่เคยมีอาวุธปืน ซึ่งจะต้องมีคนจัดหาให้ เพราะก่อนเกิดเหตุ น.ส.นนทิญา เคยมีปัญหาทะเลาะกับฝ่ายหญิงที่เป็นกิ๊กของนายรณชัยหลายครั้ง ทำให้มีความโกรธแค้นส่วนตัวกับลูกสาวของตนมาตลอด จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีส่วนรู้เห็นและร่วมสนับสนุนการกระทำความผิดในครั้งนี้ นอกจากนี้ ทรัพย์สินของลูกสาวตนจำนวนหนึ่งหายไป ทั้งเงินสินสอด 400,000 บาท ทองคำ 10 บาท ที่ลูกสาวตนจัดเตรียมไว้ให้เจ้าบ่าว และยังมีทองคำส่วนตัวของลูกสาวตนอีก 5 บาท ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด รวมทั้งเงินในสมุดบัญชีที่ทั้งคู่ฝากร่วมกันอีก 600,000-700,000 บาท ก็หายไปเช่นกัน
นายเชาว์และนางสมศรี กล่าวต่อว่า การจัดงานแต่งงาน ลูกสาวตนเป็นผู้ดำเนินการและออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ขณะที่ลูกสาวตนได้ช่วยเหลือนายรณชัยมาตลอด และพาไปสอบเข้าทำงาน ก่อนเกิดเหตุวันเสาร์-อาทิตย์ นายรณชัยยังมานอนที่บ้าน ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม ยังรีดเสื้อผ้าชุดทำงานสีกากีให้นายรณชัยใส่ และยังขับรถเก๋งไปส่งที่ทำงาน แต่กลับถูกฆ่าอย่างเลือดเย็น จากงานวิวาห์ที่ได้เตรียมการไว้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งเหลือเวลาอีก 5 วันเท่านั้น ต้องกลับกลายมาเป็นงานศพแทน. – สำนักข่าวไทย