กรุงเทพฯ 12 ต.ค. – ดัชนีหุ้นไทย ปิดการซื้อขายภาคเช้าที่ระดับ 1,404.39 จุด ลดลง 37.82 จุด หรือร้อยละ 2.62 มูลค่าการซื้อขาย 43,951.49 ล้านบาท
ตลาดหุ้นไทย ร่วงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยลดลงแรงจากปัจจัยลบในประเทศยังกดดัน ประกอบกับตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นดาวโจนส์ ฉุดให้มีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง และลงไปต่ำสุดที่ระดับ 1,400.04 จุด
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงมาต่อเนื่อง จากความกังวลปัจจัยในประเทศ ทำให้บรรยากาศตลาดฯเป็นลบ โดยดัชนีหลุดระดับต่ำสุดเดิมที่ระดับ 1,410 จุด นอกจากนี้ นักลงทุนรอดูการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ โดยวันนี้จะมีรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งขณะนี้มองว่าโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.มีมากขึ้น
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยในประเทศ ความกังวลต่อเรื่องการสร้างสถานการณ์รุนแรง ที่ทางการเผยออกมาตามสื่อ น่าจะลดลง แต่ปัจจัยรอบด้านมาในทางลบต่อตลาด และความกังวลต่อเงินทุนไหลออกของนักลงทุนต่างประเทศ ถ้าดัชนีฯปรับตัวลงมาก อาจมีความกังวลเรื่องการบังคับขายตามมา ดังนั้นปัจจัยลบที่ยังมีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยบวก จึงควรชะลอการลงทุนลดการถือหุ้นที่อิงกับทิศทางตลาด หรือหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศถืออยู่ ยกเว้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว.-สำนักข่าวไทย