ขอนแก่น 8 ธ.ค.-เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ที่เคยช่วยราชการกระทรวงยุติธรรมในการรื้อฟื้นคดีนางสาวจอมทรัพย์ กรณีขับรถชนคนตายเมื่อปี 2548 เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจภูธรภาค 4 เป็นชุดที่ 2 ซึ่งมีบทบาทมากกว่าเจ้าหน้าที่ชุดแรก
นายชาติชาย โทสินธิติ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รวม 5 คนที่เคยช่วยราชการกระทรวงยุติธรรม ในการขอรื้อฟื้นคดีขับรถชนคนตายของนางสาวจอมทรัพย์ ศรีบุญหอม หรือแสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครูในจังหวัดสกลนคร เข้าให้ปากคำในฐานะพยานต่อพนักงานสอบสวนที่ตำรวจภูธรภาค 4 จังหวัดขอนแก่น โดยเจ้าหน้าที่ชุดนี้ได้รับการแต่งตั้งจากพันตำรวจเอกดุษฎี อารยะวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เสาะหาพยานหลักฐานใหม่ หลังศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ศาลจังหวัดนครพนมรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่
พลตำรวจตรีธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมได้นำเอกสารการทำงานมาประกอบการสอบสวนด้วย การสอบปากคำในฐานะพยาน ก็จะถามว่า เมื่อได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ออกไปดำเนินการเมื่อไหร่ อย่างไร จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ 7 คนเมื่อวาน(7 ธ.ค.) รวมทั้งการสอบสวนเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ 5 คนวันนี้ พบว่า การออกไปปฏิบัติงานในพื้นที่ มีการกลับมาสรุปผลให้ผู้บังคับบัญชาทราบเป็นระยะ เบื้องต้นพบว่า มีแนวโน้มละเมิดกฎหมายในบางส่วน หลังเจ้าหน้าที่พบว่า นายสับ วาปี ที่ออกมาอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุตัวจริง และนายสุริยา นวนเจริญ หรือครูอ๋อง เพื่อนสนิทครูจอมทรัพย์ ให้ข้อมูลเท็จ แต่มีการเดินหน้าช่วยรื้อฟื้นคดีต่อ ตอนนี้ตำรวจยังไม่สามารถสรุปได้ว่า จะมีใครอยู่ในข่ายต้องรับผิดบ้าง ต้องรอให้กระบวนการสอบสวนแล้วเสร็จก่อน ตอนนี้ยังเหลือเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม ยังไม่เข้าให้ปากคำ 2 นาย หากได้ข้อมูลครบถ้วน หลังจากนั้นไม่เกิน 1 สัปดาห์ ก็จะได้ข้อสรุปทั้งหมด
ทะเบียนรถยนต์ บค 56 สกลนคร ของครูจอมทรัพย์ที่เป็นหนึ่งในหลักฐานรื้อฟื้นคดี ตำรวจให้ข้อมูลว่า เป็นแผ่นป้ายทะเบียนใหม่ ไม่ใช่แผ่นป้ายทะเบียนดั้งเดิมขณะเกิดเหตุ ขณะที่ทนายความเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่าแผ่นป้ายทะเบียนดั้งเดิม ซึ่งจะมีการตรวจสอบความถูกต้องในประเด็นนี้ด้วย
ตำรวจจะสรุปสำนวนการสอบสวนขบวนการรับผิดแทนครูจอมทรัพย์ รวมทั้งการเข้ามาช่วยรื้อฟื้นคดีของเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมให้แล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 20 ธันวาคมนี้.-สำนักข่าวไทย