มท.1 มอบนโยบายให้ผวจ.ทั่วประเทศ

กรุงเทพฯ 24 ก.ย.- รัฐมนตรีมหาดไทย ชี้ผู้ว่าราชการจังหวัด ควรโตมาจากสายปกครอง เพราะใกล้ชิดประชาชนที่สุดและเป็นที่คาดหวังเชื่อมั่นกลไกการแต่งตั้งของมหาดไทย ชมทุกคนมีคุณภาพ


พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานมอบนโยบาย และแนวทางการปฏิบัติงานตามนโยบายรัฐบาล และภารกิจสำคัญของประทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ 2561 โดยมีนายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วม

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า วันนี้(24ก.ย.)เป็นการพูดคุยถึงการทำงานในช่วงต่อไปตั้งแต่ระดับปลัดกระทรวงมหาดไทยลงไป ซึ่งกระทรวงมหาดไทยขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีอายุมากขึ้นมาช่วยงานของกระทรวง เพราะว่างานในระดับผู้ปฏิบัติถือเป็นส่วนสำคัญที่สุด กระทรวงมหาดไทยถือเป็นผู้บูรณาการการทำงานทั้งหมดในพื้นที่ ดังนั้นความคาดหวังของประชาชนและรัฐบาลอยู่ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องหันมาหาผู้ว่าราชการจังหวัด ตนเห็นว่าตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดไม่น่าเป็นเลย เพราะไม่มีเวลาส่วนตัว ต้องดูทั้งไฟไหม้ น้ำท่วม อุบัติเหตุ อุบัติภัย ต้องไปยุ่งกับทุกงาน แม้ว่าไฟไหม้จะดับเพลิงเองไม่ได้ก็ต้องไปยืนอยู่ตรงนั้น เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชน แม้แต่ระดับนายอำเภอเวลาไปงานไหนก็ต้องพูดอธิบายงานให้ระดับผู้ใหญ่ฟัง ตนเคยทำงานร่วมกับนายอำเภอมาก่อน ซึ่งถือว่าไม่ใช่เป็นแค่ลูกเจี๊ยบ แต่เป็นขุนศึกของผู้ว่าราชการจังหวัด


“ขอแสดงความยินดีกับผู้ว่าราชการจังหวัดคนใหม่ ผมเชื่อมั่นกลไกการแต่งตั้งของกระทรวงมหาดไทยว่าต้องมีความหลากหลาย บางคนเก่งตั้งแต่เป็นปลัดอำเภอ ส่วนบางคนก็เก่งในระดับกรม แต่คุณภาพของทุกคนถือว่าใช้ได้ ผมมาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยก็เห็นว่าคนที่ทำงานกับประชาชนคือนายอำเภอ ดังนั้นคนที่จะขึ้นเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมาจากสายปกครอง เพราะอยู่กับประชาชนมาก่อนและจะรู้เรื่องของประชาชนดีที่สุด ในส่วนของเรื่องโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดิน ผมจะเน้นการทำงานของกระทรวงมหาดไทยว่าต้องเกิดประสิทธิภาพ แต่จะทำอย่างไรให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำงานได้ครบถ้วนและดี ผมพยายามทำตั้งแต่เข้ามาในปีแรก ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดต้องไม่เก่งคนเดียว แต่ต้องใช้ผู้ใต้บังคับบัญชาให้ได้ทั้งหมด ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ดังนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดต้องไปดูให้ดีและทำให้ครบถ้วน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาผมไม่มีความประสงค์ร้ายกับใครทั้งสิ้น” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก

ชุดค้นหาลงโพรงโซน B, C ลึก 5-6 เมตร ได้กลิ่นแรง ไม่พบผู้สูญหาย

“กู้ภัย” เผยเจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว พร้อมส่งชุดค้นหาลงโพรงไปตรวจสอบลึก 5-6 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม แต่ได้กลิ่นแรง เร่งเดินหน้าเครื่องจักรหนักเคลียร์ซากต่อเนื่อง ยันจะช่วยเหลือจนกว่านำร่างสุดท้ายออกมาครบ