คลังดึงธุรกิจประกันลงทุนกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์

ศูนย์ฯ สิริกิติ์ 22 ก.ย. – รมว.คลังฝากการบ้าน คปภ.คุมเข้มจริยธรรมธุรกิจประกันภัย คุ้มครองผู้เอาประกัน สั่งกรมสรรพากรอุดช่องโหว่หนีภาษี หลังแบงก์เล็กบางแห่งแนะลูกค้าปิดบัญชีเงินฝากเมื่อดอกเบี้ยชนเพดานเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี พร้อมดึงธุรกิจประกันซื้อหน่วยลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คาดเปิดจำหน่ายต้นปีหน้า 


นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างการเปิดงาน “สัปดาห์ประกันภัยปี 2560” หรือ Insurance Expo 2017 และปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “โอกาสและความท้าทายของเทคโนโลยีประกันภัย สู่อนาคตไทย” ว่า เมื่ออุตสหากรรมประกันภัยต้องใช้เทคโนโลยี เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงระบบประกันมากขึ้น คปภ.จึงต้องกำกับดูแล เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งลูกค้าผู้เอาประกัน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเข้าสู่ระบบประกันรายใหม่จาก 800,000 คนต่อปีในปีนี้ เพิ่มเป็น 1 ล้านคนในช่วง 3 ปี ข้างหน้า ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0  โดยต้องหาแนวทางให้สังคมรับรู้ถึงความสำคัญว่าการทำประกัน เพื่อบริหารความเสี่ยงบุคคลในยุคการใช้เทคโนโลยีและระบบออนไลน์บริการเข้าถึงประกัน 

นอกจากนี้ ต้องการเน้นย้ำให้ผู้บริหารธุรกิจประกัน สถาบันการเงินให้ความสำคัญด้านจริยธรรม หลังเกิดปัญหาธนาคารรายย่อยบางแห่งอาศัยช่องว่างทางกฎหมายในการหักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 15 ของผู้มีรายได้จากดอกเบี้ย สำหรับผู้รับดอกเบี้ยเงินฝากไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี จะได้รับการยกเว้นภาษี ดังนั้นเมื่อมองว่าลูกค้าได้รับดอกเบี้ยเกิน 20,000 บาทต้องเสียภาษี จึงใช้กลยุทธ์การฝากเงินให้กับลูกค้าเมื่อยอดรับดอกเบี้ยถึง 19,000 บาท จะให้ลูกค้าปิดบัญชีแลัวเปิดบัญชีใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี เรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นการทำผิดจริยธรรม จึงสั่งการให้กรมสรรพากรหาช่องทางปิดช่องโหว่ดังกล่าวด้วยการนำยอดรวมทุกบัญชีเงินฝากของบุคคลคำนวณรายได้ดอกเบี้ยหากเกิน 20,000 บาทต้องเสียภาษี เพื่อเปิดให้เคลมขอคืนภาษีภายหลังช่วงสิ้นปี  อีกแนวทางหนึ่งคงต้องย้ำกับผู้บริหารธนาคารให้ดูแลปัญหาดังกล่าว แต่ไม่รับรองเรื่องจริยธรรมจะคุมได้เพียงใด 


นายอภิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ธุรกิจประกันจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอมรับว่าสัดส่วนการเอาประกันยังต่ำกว่าหลายประเทศพัฒนาแล้วนับ 10 เท่า ดังนั้น จึงอยากให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมประกันและ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ส่งเสริมการรับรู้การทำประกันให้กับประชาชนมากขึ้น เพราะประกันถือเป็นแหล่งสะสมเงินทุนของประเทศระยะยาวและสามารถใช้บริหารความเสี่ยงระยะยาวได้ ปัจจุบันมีสภาพคล่องของบริษัทประกันจำนวนมาก จึงต้องการชวนให้นำสภาพคล่องมาลงทุนระยะยาวผ่านกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ เพราะเป็นกองทุนของรัฐบาลบริหารจึงมีความเสี่ยงต่ำ เหมาะสมกับการนำสภาพคล่องการลงทุน ดังนั้น จึงอยากให้ คปภ. ส่งเสริมให้บริษัทประกันเข้ามาลงทุนในกองทุนดังกล่าว เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการเกี่ยวกับผลตอบแทนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) คาดว่าจะเริ่มออกกองทุนเพื่อจำหน่ายให้กับนักลงทุนได้ช่วงต้นปีหน้า 

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า การจัดงานสัปดาห์ประกันภัยปีนี้รองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ปรับตัวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจกิจิทัล ขณะนี้ธุรกิจประกันภัยยื่นขอใบอนุญาตขายประกันผ่านออนไลน์และใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ หลังจากออกประกาศเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมามีเอกชนยื่นใบขออนุญาตแล้ว 70 ราย และเริ่มทดลองระบบ Sand Box ของ คปภ. 15 ราย เพื่อทดลองการใช้เทคโนโลยีใหม่ออกผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่เพิ่มรองรับการพัฒนาของเทคโนโลยี  โดยช่วงที่ผ่านมาการเติบโตของอุตสาหกรรมประกันยังขยายตัวไม่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว โดยในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมาเบี้ยประกันรับรวมประมาณ  400,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันชีวิต 297,000 ล้านบาท และประกันภัย 184,000 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีเบี้ยประกันรวมประมาณ 800,000 ล้านบาท และคาดว่าอีก 3 ปีข้างหน้าเบี้ยประกันรวมคาดว่าจะถึง 1 ล้านล้านบาท โดยปีนี้ คปภ.ตั้งเป้าหมายส่งเสริมการทำประกันวินาศภัยภายในสิ้นปี  218,000 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4 ด้านประกันชีวิต 600,000 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7 รวมทั้งระบบจะขยายตัวร้อยละ 6.4 


ทั้งนี้ คปภ.จึงร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมนายหน้าประกันภัยไทย  สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน จัดงานสัปดาห์ประกันภัย ประจำปี 2560 (Insurance Expo 2017) ภายใต้แนวคิด “เทคโนโลยีประกันภัย เชื่อมต่อโอกาสและความท้าทาย เพื่ออนาคตไทย” (InsurTech Connect : Opportunities and Challenges for Thailand Future) และพิธีมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร (Prime Minister’s Insurance Awards) ระหว่างวันที่ 22-24 กันยายน 2560  นำไฮไลท์ในการโชว์นวัตกรรมด้านประกันภัยด้วยการเปิดตัวโมบาย Motor Risk แอพพลิเคชั่นให้เลือกค้นหาข้อมูลถึง 8 ฟังก์ชัน เช่น การตรวจสอบการทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ของตัวเอง การตรวจสอบการทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ของคู่กรณี  การแจ้งเตือนวันหมดอายุการทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) การแจ้งอุบัติเหตุ การค้นหาข้อมูลสายด่วนของทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน การค้นหาสถานที่ต่าง ๆ การตรวจสถานะการเคลมด้วยการกรอกเลขเคลมหรือเลขบัตรประจำตัวประชาชน และการค้นหาข้อมูลข่าวสาร สาระน่ารู้ และประกาศฯ ต่าง ๆ ของ คปภ.

รวมทั้งมีการโชว์นวัตกรรมด้านประกันภัยผ่านทาง Insurance Bureau System เกี่ยวกับฐานข้อมูลกลาง  ที่แสดงพื้นที่การทำประกันภัยทั่วประเทศ เช่น การตรวจสอบพื้นที่การทำประกันภัยข้าวนาปี การตรวจสอบพื้นที่  การทำประกันทรัพย์สิน รวมทั้งการแสดงฐานข้อมูลของอุตสาหกรรมประกันภัยไทย เช่น จำนวนกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ กรมธรรม์ประกันอัคคีภัย กรมธรรม์อัคคีภัย และการทำประกันภัยทางทะเล เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการโชว์นวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยล่าสุดจากต่างประเทศ ตลอดจนการให้บริการกรมธรรม์ออนไลน์  ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่สนใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยผ่านออนไลน์ รวมทั้งมีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาบริหารจัดการปรับปรุงและพัฒนาระบบการทำงานให้เป็นโครงข่ายใยแมงมุมแบบเรียลไทม์ โดยมีการเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันเป็นเครือข่ายออนไลน์อีกด้วย สามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยราคาถูกพิเศษลดสูงสุดร้อยละ 30 และลุ้นรับของรางวัลมากมาย ตลอดจนพบกับความบันเทิงจากศิลปินดาราชั้นนำได้ภายในงานสัปดาห์ประกันภัย

สำหรับการมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร ประจำปี 2559 รางวัลเกียรติคุณบริษัทประกันภัยดีเด่น ประจำปี 2560 และและบริษัทประกันชีวิตที่มีการบริหารงานดีเด่น ประจำปี 2559 อันดับ 1 ได้แก่บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต  จำกัด (มหาชน)  บริษัทประกันวินาศภัยที่มีการบริหารงานดีเด่น ประจำปี 2559 อันดับ 1  ได้แก่ บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) และมอบรางวัลวให้กับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งร่วมดำเนินการประกันภัยข้าว  รางวัลตัวแทนประกันชีวิตคุณภาพดีเด่น  และโครงการยุวชนประกันภัย ประจำปี 2560  จำนวน 15 รางวัล เพื่อส่งเสริมสถาบันการศึกษา หวังสนับสนุนให้เด็ก นักเรียนมองเห็นความสำคัญของการทำประกัน.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]