กรุงเทพฯ 17 ก.ย.- ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งด่วนให้ทุกจังหวัดสำรวจและทำเส้นทางระบายน้ำลดความเดือดร้อนประชาชนประสบปัญหาน้ำท่วมจากฝนตกหนัก พร้อมจัดหาแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง กำชับใช้งบประมาณตามระเบียบห้ามเกิดการทุจริตเด็ดขาด
นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการด่วนที่สุดไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)ทั่วประเทศ ทำเส้นทางระบายน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเนื่องจากขณะนี้มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขัง รวมถึงให้จัดหาที่กักเก็บน้ำเพื่อ นำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง โดยให้สำรวจพื้นที่ใกล้เคียงว่ามีแหล่งน้ำธรรมชาติหรือพื้นที่สาธารณะเพียงพอที่จะใช้เป็นพื้นที่รับน้ำได้หรือไม่ เพื่อหาวิธีการชักน้ำหรือขุดเจาะทำเป็นหลุมดึงน้ำลงไปเก็บไว้ใต้ดิน ใต้พื้น หรือทำเส้นทางระบายน้ำจากพื้นที่น้ำท่วมมากักเก็บไว้ให้ประชาชนใช้ในฤดูแล้งหรือในยามขาดแคลน
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ให้จัดทำเส้นทางระบายน้ำหรือการเปิดทางน้ำเพื่อให้น้ำไหลออกมานั้น อาจใช้รถแบคโฮ (backhoe) หรือรถขุด ตักดิน หรือเครื่องมือ เครื่องจักรที่มีในพื้นที่ โดยให้ประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด/เทศบาลในพื้นที่เข้าไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ หรือประสานหน่วยทหารพัฒนา หน่วยทหารช่าง หรือภาคเอกชน เพื่อขอรับการสนับสนุนเครื่องมือดังกล่าว โดยจังหวัด อำเภอ หรือ อปท. ในพื้นที่อาจสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งในกรณีที่จะใช้วิธีการขุดเจาะรูเพื่อระบายน้ำลงไปเก็บไว้ใต้ดินนั้น ให้ประสานงานกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในจังหวัดหรือภาค เพื่อหารือร่วมกันในการจัดทำโครงการขุดเจาะรูหรือขุดหลุมเพื่อนำน้ำไปเก็บไว้ใต้ดินหรือในสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อไว้ใช้ในฤดูแล้ง
นายกฤษฎา กล่าวว่า ในการดำเนินการตามแนวทางข้างต้น ให้พิจารณาใช้งบประมาณของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด หรือเงินงบประมาณพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัดที่เหลือจ่ายจากโครงการอื่น ๆ หรืองบประมาณแก้ไขปัญหาจังหวัด หรือแจ้งอปท.ให้พิจารณาใช้งบประมาณการแก้ไขปัญหาสาธารณภัยของอปท.ที่ได้ตั้งไว้ตามข้อบัญญัติจังหวัดหรือเทศบัญญัติด้วยก็ได้ โดยจะต้องกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณทุกส่วนราชการให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของทางราชการโดยเคร่งครัด ห้ามมิให้เกิดการทุจริตจากโครงการแก้ไขปัญหาในครั้งนี้อย่างเด็ดขาด
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า สำหรับในกรณีที่ไม่มีพื้นที่สาธารณะ หรือแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่มีพื้นที่ของประชาชนที่มีความเหมาะสมในการทำเป็นที่พักน้ำหรือแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งได้ ให้หาวิธีการเจรจาเพื่อขอใช้พื้นที่ดังกล่าวจากเจ้าของพื้นที่ โดยอาจใช้วิธีการแลกเปลี่ยนกันโดยให้เจ้าของพื้นที่ได้ประกอบอาชีพเลี้ยงปลาหรือสัตว์น้ำอื่น โดยทางราชการจัดทำเป็นโครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อให้ส่วนราชการด้านการประมงหรือการเกษตรนำพันธุ์ปลาหรือสัตว์น้ำไปแจกจ่ายให้ประชาชนเจ้าของพื้นที่เพื่อเป็นการเเลกเปลี่ยนในการสละพื้นที่เพื่อใช้เป็นที่พักน้ำ
นายกฤษฎา กล่าวว่า ในฤดูฝนซึ่งที่ผ่านมามีบางจังหวัด เช่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ใช้วิธีการนี้ดำเนินการแล้ว จึงให้จังหวัดอื่น ๆ ได้นำแนวทางนี้มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ตนเอง หรือใช้วิธีการขอเช่าที่ดินจากเจ้าของ โดยให้จัดส่งรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นที่และค่าเช่าไปที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อพิจารณาหาแนวทางสนับสนุนงบประมาณตามระเบียบกฎหมายต่อไป
ขณะเดียวกันให้จังหวัดและอำเภอสำรวจคูคลองทั้งหมดในทางกายภาพ พร้อมทั้งจัดหารวบรวมแผนที่แสดงระดับความสูง-ต่ำของพื้นที่ในแต่ละแห่ง รวมทั้งเส้นทางการไหลของน้ำ และเส้นทางการระบายน้ำ พร้อมทำการขุดลอกคลองหรือเส้นทางน้ำสายหลัก ตลอดจนอาจจัดหาโดรนเพื่อใช้ประกอบการทำแผนที่ วางแผนและเตรียมเส้นทางการทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนและกำหนดตำแหน่งศูนย์อพยพในแต่ละพื้นที่ รวมถึงเส้นทางการเข้าถึงศูนย์อพยพนั้นทุกทางด้วย
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า การบริหารจัดการตามวิธีการที่ระบุมานั้น จังหวัดอาจแต่งตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าคณะทำงานดำเนินการ โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำและการเกษตร รวมทั้งหน่วยงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งผู้แทนอปท.ในพื้นที่ และหน่วยงานทางวิชาการองค์กรวิชาชีพเข้าร่วมเป็นคณะทำงานด้วย ทั้งนี้จังหวัดอาจติดต่อประสานงานกับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ เพื่อขอคำแนะนำหรือเชิญมาร่วมในการกำหนด จัดทำยุทธศาสตร์รับมือภัยพิบัติจากน้ำท่วมหรือภัยแล้ง ด้วยก็ได้
“ขอเน้นย้ำว่าให้จังหวัดกำหนดเรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายสำคัญในการดูแลแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งอย่างรวดเร็ว ทันเวลา และครอบคลุมทุกมิติรอบด้านอย่างยั่งยืน เพื่อป้องกันการเกิดผลกระทบเชิงลูกโซ่ตามมาเมื่อปัญหาใดปัญหาหนึ่งสิ้นสุดลง” นายกฤษฎา กล่าว .-สำนักข่าวไทย