กรุงเทพฯ 27 ต.ค. – ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์คาดภาพรวมโครงการอสังหาฯ เปิดขายใหม่ปีนี้หดตัวร้อยละ 10-15 หลังผู้ประกอบการเร่งขายโครงการเดิมที่ล้นตลาด จากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนของรัฐบาล
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวในงานสัมมนาวิชาการ “อสังหาริมทรัพย์ไทยและ CLMV” ว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เน้นขายโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมที่มีอยู่เดิมมากกว่าจะเปิดขายโครงการใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้เกิดภาวะอุปทานล้นตลาด หรือ Over Supply จากการที่รัฐบาลออกมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนอง โดยคาดว่าปีนี้จะมีโครงการบ้านจัดสรรในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เปิดขายใหม่ 42,000 ยูนิต ใกล้เคียงกับปีก่อน แต่โครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่จะอยู่ที่ 52,000-55,000 ยูนิต ปรับตัวลดลงจากปีก่อนถึงร้อยละ 20 ฉุดให้ภาพรวมโครงการอสังหาริมทรัพย์เปิดขายใหม่ลดลงร้อยละ 10-15
ขณะที่ปีหน้าคาดว่าโครงการอสังหาริมทรัพย์เปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลจะกลับมาอยู่ในระดับเดิม แบ่งเป็นคอนโดมิเนียมสัดส่วนร้อยละ 60 และบ้านจัดสรรร้อยละ 40 อีกทั้งปีหน้าโครงการคอนโดมิเนียมบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา จะได้รับอานิสงส์จากมาตรการผลักดันระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี ของรัฐบาล ที่จะช่วยให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ ส่งผลให้โครงการที่เปิดตัวมาหลายปีแล้วสามารถขายได้เพิ่มขึ้น
ส่วนแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายช่วงปลายปีนี้ มองว่าจะไม่กระทบกำลังซื้อของตลาด เพราะเป็นการปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป ต่างจากวิกฤติฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ช่วงปี 2540 ที่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนตลาดไม่สามารถตั้งรับได้ทัน
นายสัมมา ยังยอมรับว่า แม้การซื้อคอนโดมิเนียมของผู้บริโภคในปัจจุบันประมาณร้อยละ 40 จะเป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไร แต่จะไม่ส่งผลกระทบกับผู้ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง พร้อมระบุว่าบรรยากาศแห่งความเศร้าโศกภายในประเทศขณะนี้ ยังไม่เอื้อให้เกิดการใช้จ่าย แต่คาดว่ายอดการปล่อยสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยปีนี้จะขยายตัวเล็กน้อยร้อยละ 1-2 จากปีก่อน หลังช่วงครึ่งปีแรกมีการปล่อยสินเชื่อแล้ว 290,000 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย