สตม.ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวบผู้ร่วมขบวนการ 44 คน

กรุงเทพฯ 23 ก.ค.60 –  สตม.ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมจับผู้ต้องหาชาวจีน และไต้หวันรวม  44 คน   หลังอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของจีน หลอกผู้เสียหายที่เกี่ยวข้องกับขบวนการผิดกฎหมายให้โอนเงิน มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท   


เวลา 14.00 น. พลตำรวจโทณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง  ร่วมกับทางการจีน แถลงผลการจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวน 44 คน ทั้งจีน และไต้หวัน พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือกว่า 100 เครื่อง / บัตรเอทีเอ็ม 19 ใบ / เครื่องอ่านข้อมูล SD Card 10 เครื่อง/  ซิมการ์ดใหม่ 23 ชิ้น /Modem Router 3 เครื่อง  / และเครื่องขยายสัญญาณโทรศัพท์ 1 เครื่อง หลังพบพฤติการณ์แก๊งดังกล่าว ใช้โทรศัพท์ข้ามประเทศผ่านระบบ Voice over Internet Protocol หรือ VOIP หลอกลวงเหยื่อข้ามประเทศ  โดยจะอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของประเทศจีนหลอกลวงผู้เสียหายมีความเกี่ยวข้องกับขบวนการผิดกฏหมาย และขอตรวจสอบประวัติทางการธนาคาร โดยจะให้ผู้เสียหายไปยังตู้เอทีเอ็ม เพื่อให้ทำตามขั้นตอนที่คนร้ายมีการวางแผนไว้ ก่อนจะให้โอนเงินไปยังบัญชีของผู้ร่วมขบวนการที่เปิดรอไว้ในประเทศจีน   ซึ่งมีประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมากในหลายประเทศ  มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท 

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ยังพบว่า กลุ่มคนร้ายจะเข้ามาตั้งฐานในประเทศไทย โดยเช่าบ้านทำเป็นฐานคอลเซ็นเตอร์ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ พัทยา ในทุกจุดจะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดหนาแน่นป้องกันการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ โดยตามห้องภายในบ้านมีการจัดวางโต๊ะเคาเตอร์ลักษณะเดียวกับศูนย์คอลเซ็นเตอร์ของบริษัทต่างๆ เพื่อป้องกันเสียงรบกวน และมีสคิปต์บทพูดเพื่อหลอกลวงเหยื่อ 


ด้าน  พลตำรวจโทณัฐธร ระบุว่า ขบวนการดังกล่าวถือเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติขนาดใหญ่  มีการรวมตัวตั้งฐานในประเทศหนึ่ง และโทรไปก่อเหตุในอีกประเทศหนึ่ง มีเครือข่ายที่พบข้อมูลว่าเชื่อมโยงกันกว่า 6 ประเทศ ซึ่งผู้เสียหายของขบวนการนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนจีนที่อยู่ในประเทศต่างๆ มีคนไทยบางส่วน และเป็นผู้สูงอายุหรือข้าราชบำนาญที่อยู่คนเดียว โดยคนร้ายจะได้ข้อมูลจากเครือข่ายที่อยู่ในประเทศจีน  ส่วนผู้ที่มารวมตัวกระทำผิดในประเทศไทย จากการตรวจสอบพบว่าเดินทางเข้าประเทศด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวถูกต้องตามกฏหมาย สามารถอยู่ได้ 90 วัน ก่อนจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนชุดเข้ามาก่อเหตุ ซึ่งในขบวนการนี้จากการสืบทราบยังพบว่ามีคนไทยร่วมขบวนการในการช่วยเหลือในการเช่าบ้าน หารถยนต์ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการขยายผล คาดจะสามารถได้ตัวคนไทยที่ร่วมกระทำผิดมาดำเนินคดีในเร็วๆ นี้   ส่วนผู้ต้องหาที่จับกุมได้จะถูกผลักดันกลับประเทศต่อไป  -.สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เครื่องบินภูเก็ตมุ่งหน้ามอสโก ขอลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ

เที่ยวบิน 777-300ER สายการบิน Aeroflot ขึ้นจากภูเก็ตไปมอสโก เตรียมลงสุวรรณภูมิ หลังบินวนกลางทะเลอันดามันหลายชั่วโมง จากปัญหาระบบลงจอดขัดข้อง

ไข้หวัดใหญ่ระบาด

ไข้หวัดใหญ่ระบาดในสหรัฐ-เสียชีวิตแล้ว 13,000 ราย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี รายงานว่า พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้อย่างน้อย 24 ล้านคนแล้วทั่วสหรัฐ

ตัดไฟเมียนมา

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันปลดพนักงานแล้วกว่าร้อยคน

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันออนไลน์และกลุ่มสแกมเมอร์ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ปลดพนักงานแล้วกว่า 100 คน เนื่องจากขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ทำให้พนักงานทยอยเดินทางออกจากท่าขี้เหล็ก กลับมาทางด่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง

ข่าวแนะนำ

ปฏิบัติการกวาดล้าง “คาวบอยบ่อแก้ว” แก๊งยาเสพติดรายใหญ่ภาคเหนือ

เจ้าหน้าที่เปิดปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่าย “คาวบอยบ่อแก้ว” แก๊งขนยาเสพติดรายใหญ่ของภาคเหนือ พร้อมยึดทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาท หลังพบช่วง 2 ปีนี้ ขนไอซ์จากชายแดนลงไปภาคกลางไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง เฉพาะที่ถูกจับได้ 3 ครั้ง ยึดไอซ์ได้กว่า 3,000 กิโลกรัม

2 เด็กชาย ปีนหน้าต่างรถตู้หนี ขณะนำตัวส่งสถานพินิจ

ไล่ล่าวุ่น! 2 เด็กชาย ต้องคดีลักทรัพย์-ยาเสพติด กระโดดหน้าต่างรถตู้หลบหนีระหว่างนำส่งสถานพินิจฯ โคราช ก่อนขโมย จยย.ชาวบ้านหลบหนี

“ภูมิใจไทย” มีมติไม่ร่วมแก้ รธน. หวั่นขัดคำวินิจฉัยศาล

“ภูมิใจไทย” มีมติไม่ร่วมสังฆกรรมแก้ รธน. วันพรุ่งนี้ หวั่นขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ยันไม่กระทบความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล ชี้เป็นเรื่องฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่สนเป็นแพะรับบาปขวางการแก้ไข บอกแจ้งนายกฯ ให้ทราบแล้ว