ยธ.เตรียมศึกษา ยกเลิก พ.ร.บ.ขายฝาก

สำนักข่าวไทย 18 ก.ค.-รองปลัด ยธ.เตรียมเสนอเรื่องถึง ปลัด ยธ.ตั้งคณะทำงานยกเลิก พ.ร.บ.ขายฝากสัปดาห์นี้  หวังแก้ปัญหาเกษตรสูญเสียที่ทำกิน


พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม (ศนธ.ยธ.) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทยถึงความคืบหน้า การเสนอยกเลิกกฎหมายขายฝาก หลังผลการสำรวจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา  พบว่ามีเกษตรต้องสูญเสียที่ดินทำกินจากการนำที่ฉโนดที่ดินไปแลกกับเงินกู้เป็นจำนวนมาก รวมทั้งจำนวนผู้ที่มาร้องขอความช่วยเหลือที่ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ มีกว่า 300 ราย  ว่าเรื่องนี้ต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน  ระหว่างการขายฝากและการจำนอง 


ทั้ง 2กรณีตามเจตนารมณ์ของกฎหมายเหมือนกัน คือเป็นการนำทรัพย์สินมาค้ำประกันเงินกู้ แต่ต่างกันที่ขั้นตอน โดยการขายฝากคือการขายที่ดิน แต่มีเงื่อนไข คือกรรมสิทธิที่ดิน ถูกโอนย้ายต่อไปยังเจ้าหนี้ผู้ซื้อฝากตั้งแต่วันแรกที่มีการทำสัญญา แต่หากลูกหนี้นำเงินมาจ่ายไถ่ถอนตามกำหนด ก็จะได้รับกรรมสิทธิ์กลับไปตามเดิม 

ส่วนการจำนองเอาที่ดินไปจำนองกับเจ้าหนี้เพื่อแลกกับเงิน แต่หากเจ้าหนี้ไม่ได้รับเงินจากลูกหนี้ตามที่กำหนด เจ้าหนี้มีสิทธิไปฟ้องร้องศาลเพื่อให้ยึดที่ดินและเมื่อชนะที่ดินจะถูกส่งต่อให้กรมบังคับคดีขายทอดตลาดต่อไป 


ทั้งนี้ ความแตกต่าง คือหากจำนองจะเห็นว่าระหว่างที่ฟ้องร้องยังมีขั้นตอนที่ให้ลูกหนี้ต่อสู้ทั้งชั้นศาลหรือแม้แต่เมื่อที่ดินถูกยึดไป ลูกหนี้ก็มีสิทธิไปประมูลเพื่อนำที่ดินทำกินของตัวเองกลับมาได้ แต่ถ้าขายฝาก หากขาดการส่งหนี้เจ้าหนี้มีสิทธิยึดไปได้เลย 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเปรียบเทียบกันจะพบว่าการขายฝากมีความเสี่ยงที่จะทำให้ที่ดินหลุดมือจากเจ้าของที่ดินง่ายกว่าการจำนองหรือไม่ เรื่องนี้ รองปลัดยุติธรรม กล่าวว่า ในความเป็นจริงทั้ง 2 แบบ การได้ที่ดินกลับคืนเหมือนกัน  คือถ้าจ่ายเงินครบเจ้าหนี้ก็ต้องคืนฉโนดที่มาค้ำประกันกลับให้ลูกหนี้ แต่ในส่วนการขายฝาก เจ้าหนี้มักมีการบ่ายเบี่ยง  ไม่รับโทรศัพท์ ติดต่อไม่ได้ หลบหนี เพื่อให้ระยะเวลาครบกำหนด เพื่อจะให้ที่ดินตกเป็นของเจ้าหนี้ ซึ่งในทางกฎหมายเเทบจะช่วยเหลืออะไรลูกหนี้เหล่านี้ไม่ได้เลย เพราะสิทธิความเป็นเจ้าของได้ขาดสิ้นแล้ว ซึ่งโดยมากลูกหนี้จะโดนเอาเปรียบตั้งแต่การเริ่มทำสัญญา รวมถึงขาดความรู้ทางกฎหมายที่จะนำไปใช้ต่อสู้ ซึ่งนายทุนที่เป็นเจ้าหนี้ มีความรู้ด้านกฎหมายมักใช้ช่องทางเอาเปรียบชาวบ้าน ทำให้ที่ดินทำกิน หรือที่พักอาศัยตกเป็นของเจ้าหนี้ด้วยการให้กู้ด้วยวิธีขายฝาก 

อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด หลังได้พูดคุยปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเห็นตรงกันว่าอยากให้มีการเสนอยกเลิกกฎหมายขายฝาก ความคืบหน้าล่าสุดเรื่องนี้ได้ ให้คณะทำงานรวบรวมผลการวิจัยจากหน่วยงานต่างๆ รวบรวามความเห็นจากการเปิดเสวนา และข้อมูลทางลับในเรื่องมูลค่าและจำนวนที่ดิน ที่เปลี่ยนมือจากเหตุขายฝาก สรุปเป็นรายงานส่งต่อให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมเห็นชอบ เพื่อให้ตั้งคณะทำงานในการศึกษาการยกเลิกกฎหมายขายฝาก คาดว่าจะส่งเรื่องให้ปลัดพิจารณาได้ภายในสัปดาห์นี้ เพราะถือเป็นเรื่องเร่งด่วน หากผ่านความเห็นชอบคงจะต้องใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่าปีครึ่งเหมือนกับที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในการแก้ไขกฎหมายห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา

ส่วนจะมีโอกาสที่การยกเลิกกฎหมายขายฝากจะผ่านหรือไม่ เรื่องนี้ พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า หากผู้มีอำนาจทางกฎหมาย และผู้เกี่ยวข้องเห็นความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรที่ตอนนี้พบว่ากว่าร้อยละ 30ไม่มีที่ดินทำเพราะเหตุนี้ก็น่าจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ หรือไม่อย่างน้อยที่สุดอาจจะต้องเพิ่มเงื่อนไขการขายฝากให้ยากขึ้น โดยเฉพาะระยะเวลาเพิ่มขึ้น เพราะส่วนใหญ่ขายฝากในปัจจุบันเจ้าหนี้ ทำสัญญากันแค่ 3-6 เดือนเท่านั้นหรือต้องเพิ่มการค้ำประกันจากข้าราชการระดับสูงในพื้นที่ และมีการประเมินความสามารถที่จะชำระหนี้ 

แต่ในระหว่างที่กำลังแก้ไขกฎหมายเกษตรกร ควรต้องศึกษาเงื่อนไขกฎหมาย หรือให้ผู้มีความรู้ช่วยตรวจสอบเงื่อนไขสัญญาเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของนายทุน  

ส่วนคดีฆ่ายกครัว 8 ศพที่ผู้ต้องหามีลักษณะปล่อยเงินกู้ โดยยึดเอาโฉนดที่ดินของลูกหนี้มา ลักษณะคล้ายกับการขายฝาก เรื่องนี้ทางกระทรวงฯไม่ได้เข้าไปศึกษา  จึงไม่สามารถให้ความเห็นได้.-สำนักข่าวไทย      

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย