กรุงเทพฯ 30 ต.ค. – นายเดชรัต สุขกำเนิด หัวหน้าภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงการประชุมเตรียมความพร้อม “โครงการลูกชาวนา ได้เวลาช่วยพ่อ” ว่า โครงการนี้เปิดโอกาสให้นิสิตช่วยพ่อแม่ขายข้าว โดยมหาวิทยาลัยทำหน้าที่สนับสนุนและเปิดพื้นที่ให้นิสิต จึงเชิญรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ผลิตข้าวถุงมาเล่าประสบการณ์ให้น้อง ๆ ฟัง เพื่อซักซ้อมความเข้าใจ จากนั้นนิสิตหรือลูกชาวนาจะลงมือนำข้าวของพ่อแม่มาแปรรูปขาย โดยจะเน้นเรื่องการคัดคุณภาพ การหาตลาด และการส่งสินค้า
“ราคาข้าวที่ลดลงเกิดจากราคาตลาดโลกมีแนวโน้มลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับไทยส่งออกได้น้อยลง ปีนี้การทำนาภาคกลางเกิดฝนแล้งช่วงต้นฤดู ทำให้ทำนาล่าช้าข้าวจึงออกมาชนกับข้าวของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดังนั้น ผลผลิตข้าวจะออกมาพร้อมกันในช่วงเดือนพฤศจิกาแทนที่จะต้องขายในตลาดราคาที่ไม่เอื้ออำนวย ก็มาสีและแปรรูปเพื่อขาย โดยตั้งเป้าข้าวหอมมะลิประมาณ 15,000 บาทต่อตัน ส่วนข้าวขาวอยากให้ได้สักประมาณ 8,000 บาท” นายเดชรัต กล่าว
นายเดชรัต กล่าวอีกว่า คาดว่าจะมีนิสิตลูกชาวนาเข้าร่วมโครงการจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะดำเนินโครงการลักษณะเดียวกันคู่ขนานกันไปด้วย โครงการนี้ไม่มีแบรนด์เฉพาะแต่เป็นแนวความคิดที่ให้ลูกชาวนาช่วยระบายข้าวให้พ่อแม่ ดังนั้น ทุกสถาบันจึงสามารถทำโครงการลักษณะนี้ได้ มหาวิทยาลัยไม่ต้องการให้การดำเนินการครั้งนี้เป็นการดำเนินการเฉพาะกิจ แต่ต้องการให้เป็นช่องทางเสริมให้เกษตรกรและเป็นภารกิจของลูกชาวนาจะได้มาช่วยกันโดยให้เป็นโครงการที่จะทำได้ในระยะยาว
ทั้งนี้ อยากให้เป็นโครงการพอเพียงไม่สร้างความลำบากกับลูกชาวนา อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือที่มีความจำเป็น คือ ไมโครไฟแนนซ์และนาโนไฟแนนซ์ของรัฐบาลน่าจะนำมาช่วยลูกชาวนา เพราะการชะลอขายข้าวของพ่อแม่เกษตรกรต้องใช้เงินหมุนเวียนเป็นต้นทุนการผลิต ถ้ามีเงินทุนช่วยเสริมลูกชาวนาจะดีมาก ส่วนที่มีความกังวลเรื่องการขายข้าวผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย รองปลัดกระทวรงยุติธรรมชี้แจงแล้วว่าการขายข้าวผ่านโซเชียลมีเดียไม่ใช่เรื่องผิดสามารถทำได้.- 701