กรุงเทพฯ 12 ธ.ค. – ก.ยุติธรรม คาดมีนักโทษประมาณ 30,000 คน ได้รับพระราชทานอภัยโทษ มอบหมายให้เรือนจำทั่วประเทศส่งเรื่องกรรมการพิจารณาภายใน 120 วัน ส่วนคนมีชื่อเสียงจะได้รับการพิจารณาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดโดยรวม
นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทย ถึงการเตรียมความพร้อมหลังมีประกาศพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ. 2559 ให้ไว้ ณ วันที่ 10 ธันวาคม 2559 เป็นปีที่ 1 ในรัชกาลปัจจุบัน รับสนองพระราชโองการโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดําริเห็นว่า เนื่องในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ เพื่อเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป
การดำเนินการครั้งนี้จะมีความละเอียดถี่ถ้วนกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ด้วยการให้เวลา 120 วัน นับตั้งแต่ประกาศพระราชกฤษฎีกา โดยเรือนจำในแต่จังหวัดจะต้องชงเรื่องให้คณะกรรมการแต่ละจังหวัด ซึ่งประกอบด้วย อาทิ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้พิพากษา ตุลาการศาลทหารในแต่ละท้องที่ พนักงานอัยการ หรือพนักงานอัยการทหาร ทั้งนี้ ขึ้นอยู่แต่ละท้องที่จะตั้งใครขึ้นมา จะมีรวมจังหวัดละ 3 คน พิจารณาว่า รายชื่อที่แต่ละเรือนจำส่งมา ใครเข้าเกณฑ์ที่ควรพิจารณาบ้าง ส่วนบุคคลที่กระทำผิดคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 คดีนักโทษการเมือง หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง อาทิ นายเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือ ผู้พันตึ๋ง นายสนธิ ลิ้มทองกุล หรือนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ มีโอกาสผ่านเกณฑ์ได้รับการอภัยโทษหรือไม่ นายธวัชชัย กล่าวว่า เรื่องนี้บอกเป็นรายบุคคลไม่ได้ ต้องกลับไปดูข้อกำหนดโดยรวม เช่น อายุ รับโทษมาแล้วเกิน 1 ใน 3 หรือไม่ โทษเหลือไม่เกิน 3 ปีหรือไม่ หรือพูดง่ายๆ ผู้จะผ่านเกณฑ์ต้องเป็นนักโทษชั้นดี แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนมีสิทธิได้รับพิจารณาลดโทษ ส่วนคดีอุกฉกรรจ์ อย่างก่อการร้าย ยาเสพติด ฆาตกรรม ข่มขืน อนาจารผู้สืบสันดาน ประพฤติไม่ชอบ ส่งผลให้เสียหายต่อรัฐ จะไม่ได้รับการพิจารณาในครั้งนี้
ขณะที่มีข้อกังวลจากสังคม หลังนักโทษได้รับการปล่อยตัวออกไป เรื่องนี้ทางกระทรวงฯ ได้วางมาตรการอย่างรอบคอบ โดยจะมีการติดตามความเป็นอยู่ ความประพฤติ คอยให้ความช่วยเหลือ แต่ไม่ใช่ลักษณะการจับผิด และจะประสานหน่วยงานต่างๆ ให้ความรู้ ฝึกทักษะอาชีพ ให้มีงานทำ เพื่อไม่ให้กลับสู่วงจรกระทำผิดอีก
นายธวัชชัย กล่าวว่า ตัวเลขนักโทษครั้งนี้ประมาณการคร่าวๆ อยู่ที่ประมาณ 30,000 คน ซึ่งตัวเลขใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา อยู่ที่ไม่เกิน 38,000 คน ทั้งนี้ คาดว่าการเดินหน้ากระบวนการจะสามารถเห็นเป็นรูปธรรมได้ชัดเจนและเร็วที่สุดภายใน 60 วัน แต่ทั้งนี้ กระบวนการจะต้องเดินหน้าให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน หรือ 4 เดือน. -สำนักข่าวไทย