ม.ขอนแก่น 21 มิ.ย.- นายกฯ ปาฐกถาพิเศษ การขับเคลื่อน Thailand 4.0 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอบคุณที่ผลิตคนมีคุณภาพ ย้ำให้ผลิตคนตามความต้องการแรงงาน พร้อมขอบคุณคนขอนแก่นตอบ 4 คำถามนายกรัฐมนตรีมากที่สุด ยืนยันไม่เลิก 30 บาทรักษาทุกโรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจ ที่ จ.ขอนแก่น โดยช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีได้ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “การขับเคลื่อน Thailand 4.0 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ที่หอประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยเข้ม โดยเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้ตรวจค้นนักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไปที่เข้าร่วมงานอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่มีกลุ่มนักศึกษามาแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐประหาร เหมือนเมื่อครั้งที่นายกรัฐมนตรีมาตรวจเยี่ยมช่วยภัยแล้งเมื่อปี 2557
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้พบกับ น.ส.กิตติรัตน์ ชุมแก้ว นักเรียนโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน ที่สอบได้คะแนนแอดมิชชั่น อันดับ 1 ของ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังได้พบกับนักเรียนที่สอบโอเน็ต คะแนนเต็ม 100 วิชาคณิตศาสตร์ พร้อมมอบทุนการศึกษา เพื่อใช้เป็นทุนในการเล่าเรียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมเด็กนักเรียน ในการปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งว่า ได้สร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้กับจังหวัด พร้อมขอบคุณมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพให้กับประเทศ และต้องการให้ทุกมหาวิทยาลัยผลิตแรงงานให้ตรงตามความต้องการประเทศ โดยอาจจะคิดหลักสูตรระยะสั้น ในการเข้ามาแก้ปัญหา และมีทางเลือกในการศึกษา
นายกรัฐมนตรียังต้องการให้นำงานวิจัยไปต่อยอด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และเห็นว่าควรนำงานวิจัยที่อยู่ในกลุ่มงานเดียวกันมารวมกลุ่มกัน เพื่อที่รัฐบาลจะได้จัดสรรงบประมาณได้ตรงเป้าหมาย เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเข้ามาเพื่อจะแก้ไขปัญหาทุกอย่างแบบตัดเสื้อให้พอดีตัว คือ การแก้ไขปัญหาให้เหมาะกับประเทศไทย โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความยากจน ที่มีผู้มีรายได้น้อยมาลงทะเบียน 14.9 ล้านคน ทำให้รัฐบาล ต้องนำปัญหามาพิจารณาถึงเหตุที่ยังมีรายได้น้อยอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ไม่ติดกับดักเหมือนเดิม
“อยากให้ทำสิ่งใหม่ เพื่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต สอดรับกับโลกศตวรรษที่ 21 ซึ่งก้าวจากการเปลี่ยนจากสังคมเกษตรไปสู่อุตสาหกรรม หรือ ยุค 1.0 ถึง 3.0 เป็นการนำงานวิจัยและพัฒนาไปเพิ่มมูลค่าโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นยุค 4.0 โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ใช้ชีวิตแบบมีสติ มีภูมิคุ้มกันที่ดี เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อคนที่มาหลอกลวงว่าจะมีเงิน ชิตังเมโป้งรวย เพราะไม่มีใครที่จะรวยได้ง่าย ๆ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรียังขอบคุณคนขอนแก่น ที่ตอบ 4 คำถามนายกรัฐมนตรีมากที่สุดกว่าหมื่นคน และชี้แจงว่าการตั้งคำถามเพื่อต้องการรับรู้ปัญหาของประชาชนว่ามีความคิดเห็นอย่างไรต่อการเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตย และต้องการให้ทุกคนช่วยกันตอบ เพื่อไม่ให้ถูกนำไปบิดเบือนว่านายกรัฐมนตรีตั้งคำถามแล้วไม่มีคนตอบ เช่นเดียวกับเรื่องร่าง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่ถูกบิดเบือนว่าจะเป็นการยกเลิกโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค ซึ่งไม่เป็นความจริง ขออย่าไปสนใจเรื่องข่าวที่ไร้สาระ
นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า การจับกุมมือระเบิดใช้กำลังพลหลักหมื่นในทุกกระบวนการ โดยรัฐบาลทำทุกคดีที่มีปัญหา และไม่ได้ละเลยที่จะไม่จับกุมพระ ซึ่งพยายามดำเนินการจับกุมอยู่ และนับจากนี้จะมีคดีความที่ทยอยออกมาเรื่อยๆ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ได้เป็นการไล่ล่าใคร รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดในโลก จะทำสิ่งใดนึกถึงความรู้สึกของทุกคน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ใช่ไม่พอใจ แล้วทำเรื่องไม่ดีให้ประเทศเสียหาย เช่นเดียวกับพวกที่หลบนี้ไปอยู่ต่างประเทศ ดังนั้น ขอให้กลุ่มคนเหล่านี้กลับเข้ามาต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม แต่ก็ไม่กลับ ยังคงพูดจาให้ร้ายประเทศ ซึ่งยอมไม่ได้ เพราะมีความรู้สึกเหมือนกัน
ช่วงท้ายสุด นายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้ประชาชนและนักศึกษาที่ร่วมฟังปาฐกถาถามคำถาม ที่จะให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไข พร้อมขออย่ารังเกียจทหารและรัฐบาลชุดนี้ ขอเป็นนายกรัฐมนตรีของทุกคน และขอให้ทุกคนอย่าสร้างความขัดแย้งกัน และว่า “ขอให้รักผมน้อยๆ แต่รักนานๆ และรักประเทศชาติ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้ทักทายและพูดคุยกับนักศึกษาที่มาร่วมงานอย่างเป็นกันเอง โดยมีนักศึกษาที่ใส่หน้ากากอนามัยรวมอยู่ด้วย นายกรัฐมนตรีได้พูดหยอกล้อว่า “ใส่หน้ากากเหมือนกับนายวัฒนา ภุมเรศ ผู้ก่อเหตุวางระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า” และถามนักศึกษาว่า “รู้จักหรือไม่ แต่ไม่รู้จักก็ดีแล้ว อย่าไปรู้จักเลย”
นอกจากนี้ มีผู้สอบถามนายกรัฐมนตรีถึงเรื่องเงินแป๊ะเจี๊ยของโรงเรียน นายกรัฐมนตรีตอบว่า ถ้าได้เข้ามาเรียน แล้วจ่ายเงินค่าบำรุงการศึกษา ก็ไม่มีปัญหา แต่หากจ่ายเงินก่อนเข้ามาเรียนนั้นไม่ได้ เพราะถือเป็นการเปิดช่องให้มีการทุจริต
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินลงไปใต้หอประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก เพื่อพบกับเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายกว่า 2,000 คนจากจังหวัดต่างๆ ทั่วภาคอีสาน ที่มารอให้การต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยอย่างเป็นกันเอง และถ่ายรูปร่วมกันด้วยบรรยากาศที่คึกคัก พร้อมบอกว่า ขอให้ทุกคนตั้งใจเรียน มองเป้าหมายในชีวิต และทำให้ได้ตามความฝัน
นายกรัฐมนตรียังสอบถามเด็กนักเรียนแต่ละคนว่า เมื่อโตขึ้นอยากเป็นอะไร ซึ่งมีนักเรียนบางคนตอบว่า อยากเป็นทหาร นายกรัฐมนตรี บอกว่า อยากเป็นทหาร เพราะอยากเป็นนายกฯ แบบตนหรือ เป็นนายกฯ ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ และเมื่อเข้ามาทำงานแล้วยิ่งยาก ขอทุกคนอย่าเกลียดทหาร ยอมรับแม้จะมีทหารบางคนที่ไม่ดี แต่คนที่ไม่ดีก็มีในทุกอาชีพ เพียงแต่คนดีมีมากกว่า
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินชมงานนิทรรศการผลงานวิจัยและพัฒนาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น และขอให้เร่งปรับปรุงงานวิจัย เพื่อให้ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม การจดทะเบียน มอก. พัฒนาไปสู่เชิงพาณิชย์ นำผลวิจัยไปสู่การปฏิบัติได้จริง สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้และเป็นประโยชน์กับประชาชน.- สำนักข่าวไทย