รัฐสภา 16 มิ.ย.- “วิทยา แก้วภราดัย” ขอ นายกรัฐมนตรี ใช้ ม.44 ระงับแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจจนกว่าปฏิรูปตำรวจเสร็จสิ้น ขณะที่บ่ายนี้ เตรียมให้ข้อมูลซื้อขายตำแหน่งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อ ผบ.ตร.มีข้อมูลอยู่แล้ว
นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เปิดเผยว่า วันนี้ (16 มิ.ย.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อขอทราบข้อเท็จจริง กรณีให้สัมภาษณ์เรื่องการซื้อขายตำแหน่ง แต่ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้ขอนัดพบกับพล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิก สปท. และพ.ต.อ.วรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจหน้าที่และกระบวนการทำงานตำรวจเพื่อประโยชน์ของประชาชน (กมธ.ปฏิรูประบบตำรวจ ) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)
นายวิทยา กล่าวว่า ทั้ง 3 คน เป็นผู้ที่ถูกสำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งความหรือร้องทุกข์ทุกครั้งที่มีการพูดถึงการวิ่งเต้นโยกย้ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้ขอทราบประสบการณ์จากทั้ง 3 คน และได้ข้อสรุปว่า ส่วนใหญ่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะใช้นิสัยตำรวจไปขู่ เมื่อถามว่าในสำนวนมีอะไรไหม ก็ไม่มีอะไรเลย แต่สร้างภาพว่า จะไปแจ้งความ จะไปจับกุมกัน จึงได้หารือกับทั้ง 3 คนว่า สิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไปคือ ไม่ต้องพูดเรื่องการข่มขู่ แต่ต้องให้กำลังใจรัฐบาล ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาพูดแล้วว่า ปัญหาเรื่องการวิ่งเต้นโยกย้ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้นเหตุของการปฏิรูปตำรวจ ดังนั้น ระยะเวลาที่เหลืออีก 10 เดือน รัฐบาลจะต้องดำเนินการปฏิรูปให้แล้วเสร็จ และพวกตนจะช่วยคิดว่า มีเรื่องใดที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องปฏิรูปเพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น หากทุกฝ่ายพร้อมก็จะจบที่การปฏิรูปตำรวจ
“ผมพูดตั้งแต่ครั้งแรกว่า มีการวิ่งเต้นโยกย้าย และการวิ่งเต้นโยกย้ายครั้งนี้ มีเมียลับๆของผู้ใหญ่ไปรับเงิน อัตราก็อย่างที่ว่า 2 ล้าน 5 ล้าน 7 ล้านบาท รุ่งขึ้นหลังจากข่าวปรากฏ สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็สั่งย้าย พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งวันนี้ ถ้าจะสอบผมว่า มีข้อมูลอะไรเรื่อง พล.ต.ท.เทศา ผมก็ฝากบอกเขาไปก่อนว่า เย็นนี้เจอกัน ไปเอาข้อมูลที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะผมไม่เคยบอกว่า ใคร แต่ท่านรู้ดีกว่าผม” นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ตนระบุถึง พล.ต.ต.ใหญ่กว่า พล.ต.อ.นั้น ก็ให้ไปถามกันเองว่าตนพูดถึงใคร แต่ในวันนี้ ขอเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและนายวิษณุว่า ก่อนการปฏิรูปตำรวจเสร็จสิ้น ขอให้ใช้มาตรา 44 ยุติการแต่งตั้งโยกย้ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนกว่าจะปฏิรูปตำรวจเสร็จ
“ขอเสนอไปยังนายกรัฐมนตรี ออกคำสั่ง มาตรา 44 เดือนสิงหาคม ตุลาคมปีนี้ เมษายนปีหน้า ยังไม่ต้องโยกย้าย รอปฏิรูปตำรวจแล้วเสร็จ แล้วมาเริ่มต้นกัน ส่วนจะวางหลักเกณฑ์อย่างไร นายกรัฐมนตรีจะวางหลักเกณฑ์ว่าใครจะโยกย้ายได้บ้าง เช่น ใครเป็นตำรวจจากจังหวัดไหน ขอตัวกลับไปจังหวัดนั้น มีเหตุเปลี่ยนได้ พากลับไป เขาจะได้เตรียมตัวเป็นตำรวจจังหวัดอย่างที่นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีเปรยมาให้ฟัง ตนเห็นด้วย และพร้อมสนับสนุน เป็นกำลังใจให้กับรัฐบาลในการปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจัง” นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ คงไม่ทำหนังสือไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ออกคำสั่งมาตรา 44 เพราะนายกรัฐมนตรีขอบคุณผ่านสื่อมวลชนมา ตนก็ขอเสนอผ่านสื่อมวลชนไป แต่หากนายกรัฐมนตรีต้องการให้ทำเป็นหนังสือ ตนก็ทำได้ ส่วนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตนไปพบวันนี้ (16 มิ.ย.) เป็นการเรียกไปสอบเป็นพยาน ยังไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหา
“หากมีการออกหมายเรียกหรือจับผมเมื่อไหร่ ผมจะไม่ประกัน แต่จะให้นายกรัฐมนตรีไปประกันเอง เพราะนายกรัฐมนตรีขอบคุณที่ผมให้ข้อมูลที่เป็นที่มาของการปฏิรูปตำรวจ ดังนั้น หากมีอะไร ผมก็จะวิ่งหานายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ผบ.ตร.ก็คิดให้ดีแล้วกัน” นายวิทยา กล่าว.-สำนักข่าวไทย