นำโมเดลสนามบินเจิ้งโจวพัฒนาอู่ตะเภาเป็นมหานครการบินอีก 10 ปีข้างหน้า

กรุงเทพฯ 9 มิ.ย. – อีอีซีตั้งเป้าพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาเป็นเมืองแห่งการบินภายในปี 2565 เพิ่มจำนวนผู้โดยสารเป็น 15 ล้านคน ก่อนพัฒนาเป็นมหานครการบินในปี 2570 โดยนำรูปแบบการพัฒนาสนามบินเจิ้งโจวของจีนมาเป็นโมเดลพัฒนาอู่ตะเภา


นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)  กล่าวเปิดการสัมมนาการพัฒนาเมืองศูนย์การบิน โอกาสทางเศรษฐกิจและธุรกิจ  ว่า ภายในระยะเวลา 5 ปี คือปี 2565 รัฐบาลตั้งเป้าหมายพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ให้เป็นเมืองแห่งการบิน และเป็นท่าอากาศยานนานาชาติแห่งใหม่ของประเทศ โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารเป็น 15 ล้านคน ในระยะ 5 ปี ซึ่งเฟสแรกจะพัฒนาเป็นแอร์พอร์ต ซิตี้ มีอาคารผู้โดยสาร รันเวย์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบิน เช่น อุตสาหกรรมการซ่อมอากาศยาน ซึ่งกำลังหารือร่วมกับแอร์บัส และโบอิ้ง ให้เข้ามาร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าว และที่สำคัญจะต้องเกิดโครงการรถไฟความเร็วสูงเพื่อเข้ามาเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ และเพื่อเพิ่มศักยภาพให้สนามบินอู่ตะเภา เพื่อรับนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก

ส่วนเฟสที่สอง รัฐบาลมีเป้าหมายพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้ใหญ่ขึ้นเป็นมหานครการบินในปี 2570 หรือ 10 ปีข้างหน้า และจะเพิ่มจำนวนเป็น 30 ล้านคนในระยะเวลา 10 ปี และ 60 ล้านคนในระยะเวลา 15 ปี หรือปี 2575  โดยจะยกระดับสนามบินอู่ตะเภาให้ใช้ประโยชน์ได้ทั้งทางคมนาคมโลจิสติกส์ ผนวกเข้ากับการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลเชิญนาย จอนห์ ดี คาซาร์ดา ( John D. kasarda) ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาด้านการบินพาณิชย์แห่งมหาวิทยาลัย นอร์ท แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกาและเป็นผู้นำในการพัฒนาแนวคิดเมืองการบิน มาร่วมพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นมหานครการบิน  ซึ่งนายจอนห์ ดี คาซาร์ดา เป็นผู้ที่พัฒนาสนามบินเจิ้งโจว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน จนประสบผลสำเร็จและดึงดูดการลงทุนจากนานาประเทศมาตั้งโรงงานผลิตสินค้าต่าง ๆ ในพื้นที่โดยรอบสนามบินเจิ้งโจว ซึ่งประเทศไทยมีเป้าหมายเช่นเดียวกันที่จะใช้สนามบินเจิ้งโจ้วเป็นต้นแบบในการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เพื่อดึงให้นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้มาลงทุนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ รอบสนามบิน ซึ่งจะเกิดการจ้างงานตามมาอีกเป็นจำนวนมาก 


“สนามบินอู่ตะเภา เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สามารถพัฒนาระบบโลจิสติกส์ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ทางราง ซึ่งมีไม่กี่แห่งในโลก ดังนั้นเมื่อโครงการเฟสแรกในการพัฒนาเป็นเมืองการบินแล้วเสร็จ และจำนวนโดยสารที่มาใช้สนามบินอู่ตะเภามากถึงปีละ 15-20 ล้านคน ก็ควรจะขยายไปเป็นมหานครการบิน เช่นเดียวกับสนามบิน ฮ่องกง สิงคโปร์ และเจิ้งโจว ที่เป็นมหานครการบินแล้ว” นายคณิศ กล่าว.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล