กรุงโตเกียว 7 มิ.ย.- มั่นใจรมต.เศรษฐกิจพร้อมชี้แจงเรื่องคุณสมบัติ ตามที่มีผู้ร้องเรียน รมว.อุตสาหกรรมระบุเป็นเรื่องเก่า พร้อมชี้แจง
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีมีผู้ร้องให้มีการตรวจสอบคุณสมบัติของรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมีทีมเศรษฐกิจ ประกอบด้วย นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง,นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม,นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา
“รัฐมนตรีในทีมเศรษฐกิจพร้อมให้การตรวจสอบคุณบัติ จึงต้องชี้แจงกันไป ยอมรับว่าการตรวจสอบเป็นเรื่องปกติ รัฐมนตรีทุกคนไม่หวั่นต่อขั้นตอนดังกล่าวพร้อมให้การตรวจสอบทุกขั้นตอน ยอมรับว่า รัฐมนตรีในทีมเศรษฐกิจทุกคนทำงานได้ดี น่าจะชี้แจงได้ไม่มีปัญหา” นายสมคิด กล่าว
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรณี กกต. ตั้งคณะกรรมการสอบสวนคำร้องนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย นับว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องก่าที่นายเรืองไกร เคยร้องไว้นานแล้ว จึงไม่รู้สึกหนักใจ และได้ชี้แจงไปก่อนหน้านี้แล้ว
นายสมคิด กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันจันทร์หน้า ( 12 มิ.ย.) เตรียมเดินทางไปตรวจเยี่ยมงานของกระทรวงคมนาคม เนื่องจากมีหลายเรื่องต้องติดตามความคืบหน้า ทั้งเรื่องกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ การก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง และโครงสร้างพื้นฐานหลัก เพื่อให้มีความคืบหน้าตามแผนที่วางไว้
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่มีรายชื่อ 1 ใน 9 รัฐมนตรี ที่สำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการเลือกตั้ง หรือ กกต. จะตั้งคณะกรรมการสอบ จากกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยขอให้ตรวจสอบ 9 รัฐมนตรีนั้นว่า ต้องถามว่า การตรวจสอบรัฐมนตรีใช่หน้าที่ของ กกต. หรือไม่ เพราะเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และขอยืนยันว่า ขณะนี้ตนไม่มีหุ้นแม้แต่ตัวเดียวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. แน่นอน
ขณะที่หุ้นที่ไม่ได้อยู่ในตลาดนั้น ยอมรับว่า มีบ้างแต่เป็นการหุ้นกับเพื่อนเท่านั้น ซึ่งเป็นเพียงเล็กน้อยไม่ได้มีมูลค่ามาก ซึ่งตนไม่ได้มีหุ้นตั้งแต่สมัยตอนทำงานธนาคารแล้ว ซึ่งขณะนี้ไม่ได้ต้องชี้แจงในเรื่องนี้ให้ใครฟังเป็นพิเศษ แต่หากมีข้อเรียกร้องให้ไปชี้แจงก็พร้อมดำเนินการ
“ก่อนเข้ารับตำแหน่ง รัฐมนตรีจะต้องแจงราการทรัพย์สินให้กับ ป.ป.ช.รับทราบอยู่แล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องของการขัดผลประโยชน์ และตนเองก็ไม่มี ไม่รู้เอามาจากไหน และมันใช่หน้าที่ของ กกต.หรือไม่”นายอภิศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าว ระบุว่า ตามพระราชบัญญัติ การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี ฯ วันที่ 1 กรกฎาคม 2543 ระบุว่า รัฐมนตรีต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือไม่คงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้ 1.ในห้างหุ้นส่วนจำกัด รัฐมนตรีเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้ไม่เกิน 5% ของทุนทั้งหมดของห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น 2.ในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด รัฐมนตรีเป็นผู้ถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละห้าของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จำหน่ายได้ในบริษัทนั้น
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่รัฐมนตรีประสงค์จะได้รับประโยชน์จากการเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทในส่วนที่เกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ในมาตรา 4 ให้รัฐมนตรีดำเนินการดังต่อไปนี้ 1.แจ้งเป็นหนังสือให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี และโอนหุ้นส่วนหรือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นให้นิติบุคคลภายใน 90 วันนับแต่วันที่ได้แจ้งให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบ และเมื่อได้ดำเนินการโอนหุ้นส่วนหรือหุ้นให้กับนิติบุคคลใดแล้ว ให้รัฐมนตรีแจ้งเป็นหนังสือให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้โอนหุ้นส่วนหรือหุ้นนั้น
ขณะเดียวกัน ณ ปี 2558 ในการรับตำแหน่งรัฐมนตรี สำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมือง ป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน พร้อมเอกสารประกอบของรัฐมนตรีและเอกสารประกอบของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 23 ส.ค.58 โดยนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคู่สมรส มีทรัพย์สินรวมกัน 394.11 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินฝาก เงินลงทุน ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ไม่ได้หนักใจในประเด็นดังกล่าว และพร้อมนำเอกสารหลักฐานเข้าชี้แจงต่อ กกต. เพราะก่อนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้ดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเข้าใจว่าการตรวจสอบของ กกต.ครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากได้รับการร้องเรียนให้ตรวจสอบ เมื่อกกต.รับเรื่องจากผู้ร้องเรียนแล้วก็ต้องดำเนินการตรวจสอบไปตามขั้นตอนของกฎหมาย คงจะไม่ได้เป็นการแก้เกี้ยวที่กกต.กำลังจะถูก set zero แต่อย่างใด .-สำนักข่าวไทย