กรุงเทพฯ 27
พ.ค.-กรมเจ้าท่า แจงกรณีพบคราบน้ำมันลอยติดแนวชายหาดเกาะพะงัน
จังหวัดสุราษฎร์ธานีคาดอาจเกิดจากการลักลอบปล่อยทิ้งน้ำปนเปื้อนน้ำมันของเรือต่างถิ่นกลางทะเล
ตามที่ได้มีการเสนอข่าวกรณีที่มีประชาชนในพื้นที่อ่าวหินกอง
ตำบลเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
พบคราบน้ำมันสีดำลอยมาติดตามแนวชายหาดเป็นระยะทางยาวกว่า 500 เมตร
จึงกังวลถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อพื้นที่ป่าโกงกาง สัตว์น้ำ
ตลอดจนภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว นั้น
นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ
อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า
คาดว่าอาจเกิดจากการลักลอบปล่อยทิ้งน้ำปนเปื้อนน้ำมันของเรือต่างถิ่นกลางทะเลและถูกคลื่นและลมพัดเข้าใกล้ฝั่ง
ซึ่งกรมเจ้าท่า โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเกาะพะงัน
ได้ดำเนินการตรวจสอบอ่าวหินกองและอ่าวข้างเคียงร่วมกับเทศบาลตำบลเพชรพะงัน
ปรากฏว่าไม่พบคราบน้ำมันบริเวณชายหาดดังกล่าวแล้ว
โดยคาดว่าอาจถูกคลื่นและลมพัดกลับไปในทะเล
และบางส่วนเกิดการแตกตัวและสลายตัวแล้วนั้น
กรมเจ้าท่าจึงได้ขอความร่วมมือจากเทศบาลเพชรพะงัน
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ร่วมกันเฝ้าระวังคราบน้ำมันบางส่วนที่อาจยังสลายตัวไม่หมด
และอาจถูกคลื่นและลมพัดกลับมายังบริเวณชายหาดได้
โดยปกติคราบน้ำมันจากใต้ท้องเรือหรือน้ำมันเครื่องเรือที่ใช้จะมีลักษณะลอยบนผิวน้ำ
ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อป่าชายเลนและหอยกลม ซึ่งเป็นสัตว์น้ำผิวดินน้อยมาก
แต่หากคราบน้ำมันดังกล่าวถูกพัดเข้าใกล้ฝั่งหรือถูกพัดเข้าสู่บริเวณที่เล่นน้ำหรือชายหาดอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวได้
โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพะงันจะร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
ซึ่งหากพบคราบน้ำมันใกล้ฝั่งจะรีบดำเนินการขจัดก่อนที่คราบน้ำมันถูกพัดเข้าสู่บริเวณที่เล่นน้ำหรือชายหาดทันที
กรมเจ้าท่าได้กำชับและสั่งการให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่
ในการตรวจตราและกวดขัน มิให้เรือทำการแอบลักลอบทิ้งน้ำปนเปื้อนน้ำมันลงในทะเล
พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ชาวเรือได้ทราบถึงบทลงโทษของการลักลอบทิ้งน้ำปนเปื้อนน้ำมันหรือเคมีภัณฑ์ลงในแม่น้ำ
ลำคลอง ทะเล และแหล่งน้ำสาธารณะ ซึ่งมีโทษตามมาตรา 119 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
โดยผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องชดใช้เงินค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในการแก้ไขสิ่งเป็นพิษหรือชดใช้ค่าเสียหายเหล่านั้นด้วย
ทั้งนี้
หากผู้ใดพบเห็นการทิ้งน้ำปนเปื้อนน้ำมันลงในแหล่งน้ำสาธารณะ
สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาในพื้นที่ดังกล่าว
หรือสายด่วนกรมเจ้าท่า 1199 ตลอด 24 ชั่วโมง
เพื่อกรมเจ้าท่าจะได้ทำการขจัดคราบดังกล่าวตามหลักวิชาการ พร้อมทั้งดำเนินคดีต่อผู้ที่ฝ่าฝืนต่อไป-สำนักข่าวไทย