ทำเนียบฯ 9 พ.ค. – ครม.เห็นชอบแนวทางส่งเสริมงานวิจัย พัฒนา 5 อุตสาหกรรมหลัก พร้อมให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแนวทางส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม 5 กลุ่มเป้าหมายอุตสาหกรรมหลักภายใต้โครงการสานพลังประชารัฐ และการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยมอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักในการจัดตั้งคณะกรรมการสานพลังประชารัฐดูแลรายกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัย
สำหรับคณะกรรมการสานพลังประชารัฐ ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินการ เช่น การอนุมัติโครงการวิจัยและการขึ้นทะเบียนเป็นผู้รับทำวิจัย และพิจารณาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย ขณะเดียวกันให้หน่วยงานภาครัฐ บริษัทเอกชน กลุ่มบริษัทเอกชน หรือนิติบุคคล ที่มีความเชี่ยวชาญแต่ละด้าน เป็นผู้กำหนดหัวข้อการทำวิจัยและพัฒนางาน เพื่อว่าจ้างมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานในการทำวิจัยและพัฒนา เพื่อต้องการการงานวิจัยเกิดจากความต้องการของเอกชน และยังเป็นการส่งเสริมให้เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพรวมกลุ่ม เพื่อว่าจ้างนักวิจัยศึกษาผลงานที่ต้องการ เนื่องจากต้องใช้ทุนจำนวนมาก
สำหรับบริษัท หรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล และกลุ่มบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีค่าใช้จ่ายเพื่อการทำวิจัยและพัฒนาร่วมกันดำเนินการตามโครงการสานพลังประชารัฐ และได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการสานพลังประชารัฐแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมแล้ว สามารถนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาหักเป็นรายจ่ายเพื่อยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 3 เท่า เป็นระยะเวลา 3 รอบบัญชี เริ่มตั้งแต่รอบบัญชี 1 มกราคม 2560-31 ธันวาคม 2562 ด้วยการนำรายจ่ายจากการว่าจ้างทำวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ค่าใช้จ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลแต่ละรายดังกล่าวที่ได้จ่ายไปเพื่อทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต้องไม่เกินกว่าสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับในปัจจุบัน คาดว่าจะช่วยส่งเสริมให้มีการลงทุนใช้จ่ายเพื่อทำวิจัยและพัฒนาต่อจีดีพีมากกว่าร้อยละ 1 หรือเป็นเงิน 130,000 ล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า
สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ประกอบด้วย 1.กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เกษตร และเทคโนโลยี 2.กลุ่มอุตสาหกรรมสาธารณสุข สุขภาพ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ 3.กลุ่มเครื่องมืออุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ และระบบเครื่องกลที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุม คลัสเตอร์ 4. กลุ่มดิจิตอล เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมต่อและบังคับอุปกรณ์ต่างๆ ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมองกลฝังตัว และคลัสเตอร์ และ 5.กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และบริการที่มีมูลค่าสูงให้เป็นการพัฒนางานวิจัยที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย สามารถใช้ยกระดับขีดความสามารถของกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อเร่งสร้างงานวิจัยของประเทศอย่างเร่งด่วน.- สำนักข่าวไทย