กรุงเทพฯ 9 พ.ค. – ปตท.สผ.ประกาศระงับโครงการลงทุนใหม่ในอินโดนีเซีย หลังรัฐบาลอินโดนีเซียยื่นฟ้องศาลเรียกร้องค่าเสียหายน้ำมันรั่วแหล่ง “มอนทารา” ในประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี 2552 ชี้กรณีอินโดนีเซียระบุยึดทรัพย์ไม่น่าสามารถดำเนินการได้ตามหลักกฎหมาย
นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ แถลงว่า ปตท.สผ. และ PTTEP Australasia (Ashmore Cartier) หรือ PTTEP AA ยังไม่ได้รับเอกสารเกี่ยวกับการฟ้องร้องอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลอินโดนีเซีย จากที่รัฐบาลอินโดนีเซียยื่นฟ้องศาลในอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2560 โดยยื่นฟ้องทั้ง บมจ.ปตท. บมจ.ปตท.สผ. และ PTTEP AA วงเงินรวม 2,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลของแหล่งมอนทาราในทะเลติมอร์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี 2552
นายสมพร กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมความพร้อมในการต่อสู้คดี ซึ่งเชื่อมั่นในผลการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม และพร้อมที่จะพิสูจน์ว่าไม่มีความเสียหายตามข้อเรียกร้อง โดยที่ปรึกษากฎหมายได้ให้ความเห็นในเบื้องต้นว่าการยึดทรัพย์สินของ ปตท.สผ. และ PTTEP AA ไม่สามารถกระทำได้ตามหลักกฎหมาย เพราะไม่มีสนธิสัญญาการยอมรับคำพิพากษาระหว่างประเทศระหว่างกัน หากต้องการบังคับคดีในไทย ก็ต้องยื่นฟ้องต่อศาลในประเทศไทยเป็นคดีใหม่และไม่สามารถยึดทรัพย์บริษัทลูกในอินโดนีเซียได้ เนื่องจากไม่ได้เป็นจำเลยในคดีนี้ เป็นคนละนิติบุคคล นอกจากนี้ คำพิพากษายังไม่สามารถบังคับใช้ในประเทศออสเตรเลียได้ เนื่องจากออสเตรเลียและอินโดนีเซียไม่มีสนธิสัญญาในการรับรอง และบังคับตามคำพิพากษาของศาลอินโดนีเซีย
นายสมพร กล่าวว่า ในปัจจุบัน ปตท.สผ.มีโครงการ ลงทุน 1 โครงการในอินโดนีเซีย คือ โครงการนาทูน่า ซี เอ ที่บริษัทถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 11.5 คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 1 ของปริมาณการขายทั้งหมดของ ปตท.สผ โครงการนี้ยังลงทุนต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเหตุการณ์ฟ้องร้องกันขึ้น ปตท.สผ. จำเป็นต้องระงับการตัดสินใจการลงทุนในโครงการใหม่ในอินโดนีเซีย เช่น การศึกษาเพื่อซื้อกิจการ มากกว่า 1 โครงการ จนกว่าจะมีข้อยุติ
“การลงทุนใหม่ในอินโดนีเซีย ทาง ปตท.สผ.จะระงับไปก่อน แม้ว่าจะมีการคุย M&A มากกว่า 1 โครงการ โดย ปตท.สผ.โฟกัสในอาเซียนและจากนี้ไปจะเน้นหนักในเมียนมาร์ มาเลเซียและไทย ซึ่งปีนี้จะพยายามอย่างยิ่งที่จะจัดให้ซื้อกิจการให้เสร็จบางรายการในปีนี้ ซึ่งมีวงเงินพร้อมจากเงินสดประมาณกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ” นายสมพร กล่าว
นายสมพร กล่าวว่า ขณะนี้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ราคามีความผันผวนและราคาต่ำกว่าไตรมาส 1 /2560 ซึ่งปีนี้บริษัทจัดทำงบประมาณด้วยราคาน้ำมันดิบที่ 49 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และคาดว่าต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ใน 3 ไตรมาสนี้จะสูงกว่าไตรมาส 1/2560 ที่ 27.5 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม จะดำเนินการไม่ให้สูงกว่าปีที่ 2559 ที่อยู่ที่ 30.46 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ปีนี้ประเมินว่ายอดขายจะอยู่ที่ประมาณ 300,000-310,00 บาร์เรล/วัน เหตุผลหลักมาจาก ปตท.มีการเรียกก๊าซจากอ่าวไทยลดลง เนื่องจากราคาแอลเอ็นจีในตลาดโลกอยู่ในเกณฑ์ต่ำ
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์มอนทารา สามารถศึกษาได้ที่ http://www.pttep.com/en/Newsandnmedia/Medialibrary/Ptteppublications/Montaraalessonlearned.aspx