กรุงเทพฯ 27 เมษายน 2560 – บริษัท
ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ประกาศไตรมาส 1/60 กำไรสุทธิ349 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สรอ.) (เทียบเท่า 12,284 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นเท่าตัว
พร้อมเข้าประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่กำลังจะหมดอายุสัมปทาน
นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
ปตท.สผ. เปิดเผยว่าในไตรมาส 1 ปี 2560
ปตท.สผ. มีรายได้รวม 1,092 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 38,377 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2559 ซึ่งมีรายได้ 1,085 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 38,692 ล้านบาท) ถึงแม้ว่า ปตท.สผ. จะมีปริมาณขายที่ปรับลดลงจาก 329,858 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันเป็น 304,108
บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน
ซึ่งเป็นผลหลักจากปริมาณขายที่ลดลงของโครงการในออสเตรเลียและการขายโครงการผลิตในโอมาน
ทั้งนี้ ปตท.สผ. มีผลกำไรสุทธิที่ 349 ล้านดอลลาร์ สรอ.
(เทียบเท่า 12,284 ล้านบาท) สูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2559 โดยเป็นส่วนของกำไรจากการดำเนินงานตามปกติ (Recurring Net Income)
จำนวน 211 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 7,437 ล้านบาท) ซึ่งเป็นผลหลักจากการปรับตัวขึ้นของราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยมาอยู่ที่
38 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ
ตามการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ประมาณ 35
ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ประกอบกับต้นทุนต่อหน่วย (Unit
Cost) ในไตรมาสนี้ที่ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
โดยมีปัจจัยหลักจากการลดลงของค่าเสื่อมราคาซึ่งแปรผันตามกิจกรรมการลงทุน
และปริมาณปิโตรเลียมสำรอง (Reserves) ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยปรับลดมาอยู่ที่
27.54 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เมื่อเทียบกับต้นทุนต่อหน่วยในไตรมาส
1 ปี 2559 ที่ 28.57 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ
นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังมีกำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (Non-recurring) จำนวน
138 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 4,847
ล้านบาท) โดยหลักเกิดจากผลประโยชน์ทางภาษีจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์
สรอ. และการรับรู้กำไรจากการประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน (oil price
hedging) ผลการดำเนินงานข้างต้นส่งผลให้ ปตท.สผ.
สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไรโดยมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา
(EBITDA Margin) สูงถึงร้อยละ 74
และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ 688 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปตท.สผ. มีเงินสดในมือกว่า 4,400 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 153,158 ล้านบาท)
สำหรับการดำเนินงานในปี 2560 นั้น ปตท.สผ.
มองว่าด้วยราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากความร่วมมือตามข้อตกลงในการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและกลุ่มนอกโอเปก
โดยคาดว่าในครึ่งแรกของปี 2560
ราคาน้ำมันน่าจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 50-55 ดอลลาร์ สรอ.
ซึ่งจะส่งผลบวกกับราคาผลิตภัณฑ์เฉลี่ยของ ปตท.สผ. ทั้งปี และ ปตท.สผ.
ยังคงมีความพยายามในการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ประมาณการต้นทุนต่อหน่วยที่ 29 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบสำหรับปี 2560 ลดลงจากต้นทุนต่อหน่วยของปี 2559 ที่ 30.46 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ
อย่างไรก็ตาม ปริมาณการขายเฉลี่ยของ ปตท.สผ. มีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้
โดยอาจจะอยู่ในช่วง 300,000 – 310,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ
เป็นผลจากความไม่แน่นอนของปริมาณการเรียกก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยของผู้ซื้อ
ที่ได้รับผลกระทบจากราคา LNG ในตลาดจร (spot LNG) ที่ปรับตัวลดลง ทั้งนี้ ปตท.สผ. ได้มีแนวทางในการลดผลกระทบดังกล่าวโดยการปรับแผนการผลิตซึ่งจะเน้นการผลิตจากหลุมที่มีปริมาณคอนเดนเสทเพื่อชดเชยปริมาณการขายและรายได้จากก๊าซธรรมชาติที่อาจจะลดลง
ในขณะเดียวกันเพื่อเสริมกำลังการผลิตในระยะยาว ปตท.สผ.
จะต้องเร่งรัดการพัฒนาโครงการที่มีอยู่ในมือ เช่น โครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์
ราเคซ โครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน และแหล่งอุบลในโครงการคอนแทร็ค 4 เป็นต้น
ในส่วนของแหล่งสัมปทานที่กำลังจะหมดอายุในปี 2565-2566 นั้น
ปตท.สผ. ยืนยันถึงความพร้อมที่จะเข้าประมูลแหล่งสัมปทานดังกล่าวเนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานเป็นอย่างดี
มีต้นทุนที่แข่งขันได้
ที่สำคัญคือสามารถสร้างความต่อเนื่องในการผลิตก๊าซธรรมชาติให้กับประเทศ – สำนักข่าวไทย
