“มีชัย” เผย รธน.ใหม่เปิดช่องให้ประชาชนเข้าถึงศาล รธน.ได้ง่ายขึ้นกรณีถูกละเมิด

รัฐสภา 26 เม.ย.-ประธาน กรธ.ระบุ รธน.ใหม่เปิดช่องให้ประชาชนเข้าถึงศาล รธน.ได้ง่ายขึ้นกรณีถูกละเมิด วอนทุกฝ่ายช่วยคิดกำหนดในกฎหมายลูกเพื่อให้เกิดความสมดุล เพื่อไม่ให้มีคดีค้างที่ศาลรัฐธรรมนูญมากเกินไป


นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวเปิดการสัมมนารับฟังความเห็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยศาลรัฐธรรมนูญ โดยย้ำว่า ศาลรัฐธรรมนูญเสมือนเสาหลักที่จะค้ำจุนให้รัฐธรรมนูญเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่จัดทำเอาไว้ แต่การทำงานของศาลรัฐธรรมนูญจะต้องมีกฎกติกาว่าจะเดินเข้ามาศาลรัฐธรรมนูญได้อย่างไร และการปฏิบัติแต่ละเรื่องจะมีผลกระทบอย่างไร ในขณะที่ กรธ.ร่างรัฐธรรมนูญมาถึงบทศาล ก็ค่อนข้างกังวลว่าทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าถึงศาลได้ง่าย แต่ต้องไม่ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเกิดภาระจนทำไม่ไหว เพราะมีเพียงแห่งเดียว และมีตุลาการเพียง 9 คน หากมากันมากจะทำให้เกิดปัญหาเดิมคือทำไม่ไหว ทำให้การพิจารณาเป็นไปด้วยความล่าช้า ซึ่งตามรัฐธรรมนูญวางหลักการไว้ว่าให้ทั้งหน่วยงานของรัฐและประชาชนเข้าศาลรัฐธรรมนูญได้ โดยรัฐธรรมนูญปัจจุบันเปิดช่องไว้กว้างกว่ารัฐธรรมนูญในอดีต โดยหากหน่วยงานใดเกิดความสงสัย หรือเกิดวิกฤติสามารถส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ และคำวินิจฉัยถือเป็นอันสิ้นสุด ผูกพันทุกองค์กร ดังนั้นจึงได้กำหนดคุณสมบัติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไว้เข้มด้วยเช่นกัน คือจะต้องมีคุณลักษณะ 3  ประการ คือ ต้องมีความรับผิดชอบสูง กล้าหาญ และต้องมีพฤติกรรมทางจริยธรรมที่ดี หากไม่ได้ จะต้องยอมเสียเวลาในการสรรหาใหม่เพื่อให้ได้ตามคุณลักษณะดังกล่าว

“เวลาเกิดทางตัน เราจึงเปิดช่องไว้ให้ไปศาลรัฐธรรมนูญได้ และต้องเป็นข้อยุติ ส่วนทางด้านประชาชนนั้น รัฐธรรมนูญฉบับนี้เปิดช่องเอาไว้ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเอาไว้มาก หากถูกละเมิดก็สามารถไปหาศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่กรณีนี้หากปล่อยให้ ไหลไปเป็นแม่น้ำ คงลำบาก จึงเขียนไว้ว่าให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่เขียนไว้ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ จึงต้องรับฟังความเห็นเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการนำเรื่องไปสู่ศาลได้อย่างพอดี พออยู่ และศาลรัฐธรรมนูญสามารถทำงานได้” นายมีชัย กล่าว


ด้านนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า จากประสบการณ์การทำงานเห็นตรงกันว่าควรใช้ระบบไต่สวน แต่ควรวางการทำงานระบบการไต่สวนไว้ให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาความไม่เข้มข้นในการไต่สวนที่เป้าหมายและวิธีการต่างกัน ดังนั้นควรกำหนดตั้งแต่คำนิยามของคำว่าระบบไต่สวนว่าควรเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไร ซึ่งอาจจะตั้งแต่เริ่มคดีจนถึงขั้นตอนการตัดสินคดี และควรปฏิรูปตั้งแต่การเขียนคำร้อง เพื่อป้องกันปัญหาการไม่รับฟ้อง เพราะทนายเขียนคำร้องคำให้การไม่ชัดเจน ควรกำหนดประเด็นเพื่อวินิจฉัยอย่าให้มีผลต่อการพิจารณาคดี เพราะความเก่งหรือไม่เก่งในกฎหมายวิธีพิจารณา

นายจรัญ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในขั้นตอนการเก็บหลักฐาน ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการเรียกพยานหลักฐาน แต่ที่ผ่านมา ศาลแทบไม่เคยเรียกพยานหลักฐานเลย แต่วินิจฉัยไปตามข้อเท็จจริงพยานหลักฐานที่นำเสนอ จึงเห็นว่าควรกำหนดให้ศาลใช้อำนาจในส่วนนี้เท่าที่จะสามารถออกแบบได้ และเพื่อให้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ โดยจะครหาไม่ได้ เพราะถือว่าได้เดินไปตามครรลองของกฎหมาย

“หลายคดีเราถึงทางตัน ไม่มีทางได้หลักฐานอะไรแล้ว ใช้วิธีว่าถ้าพยานหลักฐานไปชัดให้ยกประโยชน์ให้จำเลย ยกฟ้อง แต่อยากให้เขียนไว้ว่าถ้าสงสัยแล้วต้องให้พยายามแสวงหาพยานหลักฐาน เพราะคดีรัฐธรรมนูญต่างจากคดีอาญา” นายจรัญ กล่าว


สำหรับเรื่องคำร้องตรงของประชานที่จะมาตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ นายจรัญ กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เพราะ 9 ปีที่ผ่านมา ประชาชนจะฟ้องตรงได้ต่อเมื่อมีกรณีข้อขัดแย้งในข้อกฎหมาย จะต้องไปตามองค์กรอื่น ๆ จนกว่าจะไม่มีทางวินิจฉัย เช่น ไปที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือ ศาลปกครองก่อน ทำให้มีข้อแย้งที่กว่าจะมาถึงศาลรัฐธรรมนูญน้อยมาก แทบจะไม่ได้ใช้เลย จึงเสนอให้กำหนดไว้ในมาตรา 47 ว่า ให้บุคคลที่ถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพโดยตรงตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ ยื่นคำร้องต่อศาลภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่มีสิทธิยื่นคำร้อง อย่างไรก็ตาม อยากให้ช่วยกันคิดเพื่อให้เกิดการถ่วงดุลกัน เพื่อไม่ต้องการให้ศาลรัฐธรรมนูญกลายเป็นองค์กรที่มีอำนาจเหนือคนอื่น

สำหรับปัญหาการทำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายจรัญ กล่าวว่า มีจุดเดียวที่หนักใจ และยังไม่ได้รับการแก้ไขในรัฐธรรมนูญ คือ กรณีที่ความเห็นของตุลาการที่เป็นองค์คณะเท่ากัน คือ กรณีที่มีองค์คณะ 8 คน แล้วมีคะแนน 4 ต่อ 4 จะทำอย่างไร เพราะต้องใช้เสียงข้างมาก จึงควรเขียนทางออกในรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อไม่ได้เขียนไว้ จึงคิดว่าเขียนเพิ่มในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้ว่าให้ทำแบบที่ศาลรัฐธรรมนูญในอดีต คือ ให้ประชุมกันทำคำแนะนำร่วมกันใน 8 คน ซึ่งจะไม่ใช่ประเด็นวินิจฉัย แต่เป็นการให้คำแนะนำว่าควรดำเนินการอย่างไรด้วยเหตุผลอะไร โดยจะเป็นการปลอดภัยสำหรับผู้ปฏิบัติด้วย พร้อมกันนี้ยังเสนอให้มีการเผยแพร่ความเห็นของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อยด้วย และในเรื่องขอบเขตของคำวินิจฉัย ควรจะเปิดช่องให้มีการวินิจฉัยเพิ่มเติม เพื่อชี้แนวทางให้กับผู้ปฏิบัติได้แทนที่จะกำหนดตายตัวเหมือนศาลยุติธรรมที่ไมสามารถวินิจฉัยนอกประเด็นคำขอได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนาม ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 29 ก.ค.-เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนามรอบปราสาทตาเหมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จากเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ในหลายพื้นที่ รวมทั้งบริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่มีการปะทะรุนแรง และก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามยั่วยุในลักษณะต่างๆ เช่น การขึ้นมาร้องเพลง และทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 2 ก็เชิญชวนให้คนไทยมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธม โดยยืนยันว่าเป็นพื้นที่อธิปไตยไทย และได้รับความสนใจจากประชาชนจากทั่วสารทิศ ทั้งนี้ บริเวณปราสาทตาเมือนธม ถือเป็นพื้นที่แรกๆ ที่เกิดเหตุปะทะ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ด้วยเหตุว่ากัมพูชาพยายามจะเข้ามายึดพื้นที่ปราสาท ซึ่งเป็นจุดสูงได้เปรียบในเชิงจุดยุทธศาสตร์ ก่อนจะเกิดเหตุปะทะในหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 และนำมาสู่การเจรจาหยุดยิงโดยรัฐบาล 2 ประเทศ เมื่อวานนี้ จนกระทั่งมีการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างฝ่ายทหารในพื้นที่ 2 ประเทศในวันนี้ และทำให้เสียงปืนสงบลง.-313.-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์หลังข้อตกลงหยุดยิง หลายพื้นที่ยังปะทะเดือด

29 ก.ค.- ย้อนดูไทม์ไลน์ เหตุปะทะในหลายพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา ทันทีที่ข้อตกลงหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข ถูกกำหนดในเวลาเที่ยงคืน สมรภูมิสำคัญตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม เดือดถึงขีดสุด เพราะต่างฝ่ายต่างต้องการแย่งชิงพื้นที่ ยิ่ง 30 นาทีสุดท้ายก่อนเดดไลน์ ทหารหน่วยรบพิเศษของไทย เข้าปะทะ “กองกำลัง BHQ” ที่เสริมกำลังเข้ามาอย่างดุเดือด ก่อนที่ไทยจะยึดประสาทตาควายไว้ได้ก่อนถึงเส้นตายหยุดยิง แต่ปรากฏว่าเสียงปืนและระเบิด สงบลงหลังเส้นตายหยุดยิงเพียงไม่นาน ตลอดทั้งคืน ไทยยังถูกกัมพูชา ยิงยั่วยุ ยาวจนถึงเช้า ภาพนี้ทหารไทยได้ถ่ายเวลาจากนาฬิกา ในเวลา 06.29 น. ขณะได้ยินเสียงปืนใหญ่ที่ฝั่งกัมพูชาระดมยิงใส่ฝั่งไทยไว้เป็นหลักฐานว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พันเอกริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษก ทบ. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ กองกำลังสุรนารี ว่าหลังจากมีการหยุดยิง ในเวลา 00.00 น. แล้ว พบว่าในพื้นที่ภูมะเขือ ถูกก่อกวน โดยฝ่ายทหารกัมพูชา มีการยิงปะทะตอบโต้จากทั้งสองฝ่ายจนถึงเช้า พื้นที่ซำแต มีการยิงปะทะกันเกิดขึ้น จนถึงเวลา 05.30 น. เนื่องจากทหารกัมพูชาไม่ยอมหยุด […]

ทหารม้าคุมตัว 18 ทหารกัมพูชา ในพื้นที่ซำแต หลังยอมจำนน

ศรีสะเกษ 29 ก.ค.-ทบ. เผยคุมตัว 18 ทหารกัมพูชา หลังทหารม้า เข้ากวาดล้างที่มั่นเขมร พื้นที่ซำแต จ.ศรีสะเกษ หลังยอมจำนน จนท.ปลดอาวุธ ยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลเคร่งครัด ก่อนจะดำเนินการตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป วันนี้ (29 กรกฎาคม 2568) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้รายงานผลการควบคุมตัวทหารกัมพูชา จำนวน 18 นาย สืบเนื่องจากเหตุการณ์ปะทะในพื้นที่ ซำแต อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังที่ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธหนักและอาวุธวิถีโค้ง ยิงเข้ามาในเขตพื้นที่ของไทย ฝ่ายไทยจึงได้ใช้ หน่วยทหารม้าเฉพาะกิจเข้าทำการตอบโต้และกวาดล้างที่มั่นของฝ่ายกัมพูชา จากการปฏิบัติดังกล่าว พบมีทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่งยอมจำนนโดยไม่มีท่าทีหรือลักษณะจะคุกคามฝ่ายไทย ทางหน่วยจึงดำเนินการปลดอาวุธและควบคุมตัวตามขั้นตอน โดยยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลอย่างเคร่งครัด มีจำนวน 18 นาย ชั้นยศ ร้อยตรี 1 นาย, จ่าสิบโท 2 นาย, สิบเอก 12 นาย, สิบโท […]