ยธ. 24 เม.ย.-อธิบดีกรมบังคับคดี เผย 28 เม.ย.นี้ เตรียมส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมหารือกับพนักงานสอบสวน หลังได้รับการประสานจาก ผบช.ก.ขอให้ช่วยเหยื่อแชร์ลูกโซ่ซินแสโชกุนและยูฟัน
น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวถึงการดำเนินการเกี่ยวกับคดีของ น.ส.พสิษฐ์ อริยชย์ลาภิศ หรือซินแสโชกุน กรรมการบริหารบริษัทเวลล์ เอฟเวอร์ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกประชาชน หลอกลวงให้ซื้ออาหารเสริมแลกทัวร์ประเทศญี่ปุ่นลอยแพผู้เสียหายกว่า 2,000 ราย ว่า ตนได้รับการประสานจากพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.)ให้ส่งเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีเข้าร่วมหารือในคดีดังกล่าวกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 28เม.ย.นี้ เนื่องจากคดีฉ้อโกงประชาชนเป็นคดีอาญาเกี่ยวเนื่องกับคดีแพ่ง ซึ่งที่ผ่านมามีหลายคดีที่ผู้เสียหายที่เป็นโจทก์ไม่ทราบขั้นตอนการดำเนินการหลังจากที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ เพราะเข้าใจว่า หลังจากที่ศาลมีคำสั่งดังกล่าวออกมาแล้วโจทก์เข้าใจว่ารัฐจะต้องเป็นผู้นำเงินมาคืนให้กับโจทก์ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด เพราะตามขั้นตอนหลังจากอัยการยื่นคำฟ้องจำเลยแล้วโจทก์ในฐานะผู้เสียหายสามารถยื่นคำร้องร่วมกับอัยการเพื่อขอให้จำเลยชำระค่าเสียหาย
นอกจากนี้ทางตำรวจได้ประสานขอให้กรมบังคับคดีเข้าไปช่วยเหลือผู้เสียหายในคดีแชร์ยูฟัน เนื่องจากคดีนี้ศาลได้มีคำพิพากษาออกมาแล้วเมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะได้หารือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับความเสียหายต่อไป เพราะจุดอ่อนของผู้เสียหายที่ผ่านมาคือไม่รู้ขั้นตอนและวิธีการว่าหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาออกมาแล้วจะดำเนินการต่ออย่างไร เพื่อให้ได้เงินคืนกลับมาเพราะคดีอาญากับคดีแพ่งแม่จะมีความเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกัน แต่คดีอาญาอัยการจะเป็นผู้ดำเนินการให้ส่วนคดีแพ่งโจทก์จะต้องเป็นผู้ดำเนินการตั้งเรื่องเองเพราะเป็นการเรียกค่าสินไหมทดแทน โจทก์จะต้องเป็นผู้ดำเนินการตามมาตรา40-44/1 ของกฎหมายวิแพ่ง
น.ส.รื่นวดี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในกรณีดังกล่าวผู้เสียหายสามารถยื่นคำร้องได้นับตั้งแต่ศาลมีคำพิพากษาออกมา ผู้เสียหายอาจจะรวมกัน และยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีเพื่อทำการสืบทรัพย์ และยื่นคำร้องต่อกรมบังคับคดีเพื่อขอให้บังคับคดี และทำการสืบทรัพย์สินที่มีอยู่ หรืออาจจะเป็นการอายัดเงินเดือนเพื่อนำมาชดใช้ให้กับผู้เสียหายต่อไป.-สำนักข่าวไทย