แอปพลิเคชัน

นิวยอร์ก 17 ม.ค.- แหล่งข่าวเผยว่า ติ๊กต็อก (TikTok) เตรียมปิดการให้บริการในสหรัฐที่มีชาวอเมริกันใช้งาน 170 ล้านคนในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งเป็นวันที่คำสั่งห้ามใช้งานแพลตฟอร์มยอดนิยมดังกล่าวในสหรัฐมีผลบังคับใช้ แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เมื่อผู้ใช้เปิดแอปพลิเคชันจะมีป็อปอัปเป็นข้อความแจ้งเตือนพร้อมลิงก์ที่นำไปยังเว็บไซต์ที่โพสต์รายละเอียดเกี่ยวกับการแบนครั้งนี้ โดยจะเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับบัญชีของตนเองออกมาเก็บไว้ได้ สำหรับสาเหตุของการตัดสินใจปิดตัวในครั้งนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนต้องการให้แพลตฟอร์มนี้อยู่ภายใต้บริษัทแม่อย่างไบต์แดนซ์ (Bydance) ต่อไป หลังจากไบต์แดนซ์ตัดสินใจไม่ขายติ๊กต็อกในสหรัฐก่อนถึงเส้นตายในวันดังกล่าว มีรายงานว่า ศาลฎีกาของสหรัฐกำลังพิจารณาว่า จะบังคับใช้กฎหมายและอนุญาตให้ติ๊กกต็อกถูกแบนในวันอาทิตย์ หรือยกเลิกกฎหมาย หรือยับยั้งกฎหมายเพื่อให้ศาลมีเวลามากขึ้นในการตัดสินใจ ตามที่รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดนได้ออกกฎหมายเมื่อเดือนเมษายน 2567 ให้แบนการใช้งานติ๊กต็อกในสหรัฐหากไบแดนซ์ไม่ขายแพลตฟอร์มนี้ หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้เตรียมดำรงตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม หลังจากคำสั่งแบนติ๊กต็อกมีผลได้เพียง 1 วัน กำลังพิจารณาออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อระงับการแบนดังกล่าวภายใน 60 – 90 วัน ถือเป็นการกลับลำมาสนับสนุนติ๊กต็อก หลังจากที่เขาใช้แพลตฟอร์มนี้หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2567 และได้รับความนิยมอย่างมาก จากเดิมที่เขาพยายามจะปิดกั้นแพลตฟอร์มนี้ในสหรัฐเมื่อปี 2563  และบีบให้ขายให้กับบริษัทอเมริกัน  ด้านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า นายโจว โซ่วจือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของติ๊กต็อกได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมพิธีสาบานตนของนายทรัมป์ โดยนั่งในตำแหน่งของแขกของผู้มีเกียรติ.-815(814).-สำนักข่าวไทย

ไทเป 3 พ.ค.- หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงในไต้หวันเมื่อเดือนเมษายน ชาวไต้หวันจำนวนไม่น้อยหันมาโหลดแอปพลิเคชันแจ้งเตือนการแผ่นดินไหวของเอกชนกันมากขึ้น แพลตฟอร์มข้อมูลป้องกันภัยพิบัติหรือดีพีไอพี (DPIP) เป็นแอปฯ เอกชน เกิดจากการร่วมกันพัฒนาของนักศึกษา 2 คนวัย 17 ปี และ 20 ปี ที่ร่วมกันคิดค้นแอปฯ นี้เมื่อปี 2565 ก่อนหน้านี้มีผู้ดาวน์โหลดไปใช้งานประมาณ 3,000 รายเท่านั้น แต่หลังจากที่ไต้หวันเผชิญกับแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.2 เมื่อวันที่ 3 เมษายน มีผู้เสียชีวิต 17 คน ยอดการดาวน์โหลดแอปฯ พุ่งขึ้นไปถึง 370,000 รายภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ปัจจุบันรัฐบาลไต้หวันมีระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวอัตโนมัติ เป็นการส่งข้อความไปยังโทรศัพท์มือถือร่วมกับเสียงสัญญาณเตือนภัย ซึ่งจะแจ้งเตือนขึ้นก่อนเกิดแผ่นดินไหวไม่กี่วินาที แต่แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 3 เมษายน ปรากฏว่าเสียงสัญญาณเตือนแผ่นดินไหวในกรุงไทเปไม่ดัง ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงประสิทธิภาพในระบบเตือนภัยของรัฐ ส่วนแอปฯ ของเอกชนนั้น ทีมงานได้ติดตั้งอุปกรณ์เซ็นเซอร์ไว้มากกว่า 130 จุดทั่วเกาะไต้หวันเพื่อตรวจจับการสั่นสะเทือนทั่วเกาะและสามารถแจ้งเตือนผู้ใช้งานล่วงหน้าได้ถึง 30 วินาทีก่อนเกิดแผ่นดินไหว นอกจากนี้ยังมีฟังค์ชั่นพิเศษนอกเหนือไปจากระบบของทางการ เช่น การเปิดไฟแฟลชอัตโนมัติก่อนเกิดแผ่นดินไหว การนับเวลาถอยหลัง หรือการแจ้งเตือนแผ่นดินไหวขนาดเล็กซึ่งไม่มีอยู่ในระบบเตือนภัยของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ชาวไต้บางส่วนมีความเห็นว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้แอปฯ แจ้งเตือน  ตราบใดที่แอปฯ ยังไม่สามารถเพิ่มการป้องกันความเสียหายได้มากกว่าที่เป็นอยู่.-816(814).-สำนักข่าวไทย

ซูริก 23 ก.พ.-  ผลสำรวจของธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์พบว่า ธุรกิจในสวิตเซอร์แลนด์ยังคงนิยมการชำระเงินด้วยเงินสด แม้ว่ามีการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันทางโทรศัพท์เคลื่อนที่มากขึ้น ผลสำรวจของธนาคารแห่งชาติสวิสพบว่า บริษัทที่ทำธุรกิจแบบเห็นหน้าลูกค้าในสวิตเซอร์แลนด์ เช่น ร้านอาหาร ร้านค้า มีร้อยละ 92 ที่ยังรับเงินสด และมีเพียงร้อยละ 59 ที่รับการชำระเงินผ่านแอป ขณะที่หลายประเทศ เช่น สวีเดน กลายเป็นสังคมไร้เงินสดมากขึ้นแล้ว อย่างไรก็ดี ผลสำรวจพบว่า การชำระเงินผ่านแอปได้รับความนิยมมากขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์ โดยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 40 ในปี 2564 และเป็นที่ยอมรับมากกว่าบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ส่วนบริษัทที่ทำธุรกิจทางออนไลน์ อีเมล์หรือโทรศัพท์ นิยมการชำระเงินผ่านการโอนทางธนาคารมากที่สุด ตามด้วยการชำระผ่านใบแจ้งหนี้ และเงินสดตามลำดับ การรับชำระเงินด้วยเงินสดกลายเป็นประเด็นทางการเมืองในสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อมีการรณรงค์หาเสียงชูเรื่องคนอายุน้อยและคนสูงวัยกลายเป็นคนกลุ่มน้อยในสังคม เนื่องจากไม่มีแอปชำระเงิน บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ขณะที่สาขาธนาคารและเครื่องกดเงินสดอัตโนมัติทยอยลดจำนวนลง.-814.-สำนักข่าวไทย