“แฮร์ริส” ขึ้นเวทีหาเสียงกับผู้สมัครคู่เป็นครั้งแรก

เพนซิลเวเนีย 7 ส.ค.- นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ขึ้นเวทีหาเสียงเป็นครั้งแรกร่วมกับนายทิม วอลซ์ ที่เธอเพิ่งเลือกให้เป็นคู่ชิงเลือกตั้งในตำแหน่งรองประธานาธิบดี นางแฮร์ริส วัย 59 ปี และนายวอลซ์ วัย 60 ปี ขึ้นเวทีหาเสียงร่วมกันที่รัฐเพนซิลเวเนีย เปิดฉากการตระเวนหาเสียงในรัฐสมรภูมิหลายรัฐ หวังเปิดตัวนายวอลซ์ให้เป็นที่รู้จักในระดับประเทศ นายวอลซ์แนะนำตัวเองว่า เติบโตในเมืองเล็ก ๆ ในรัฐรัฐเนแบรสกา รับใช้ชาติในกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติเป็นเวลานาน 24 ปี เป็นครูสอนสังคมในโรงเรียนมัธยมศึกษา และเป็นโค้ชฟุตบอล ทั้งคู่ประกาศว่า พร้อมที่จะรักษาทำเนียบขาวและสกัดกั้นนายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ให้ได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัย นายวอลซ์ ปัจจุบันเป็นผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา มีประสบการณ์มากมายในการทำธุรกิจและในกองทัพ เขาเริ่มงานการเมืองด้วยการเป็น ส.ส. นาน 12 ปี จากนั้นจึงได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐมินนิโซตามาแล้ว 2 สมัย ด้วยการผลักดันนโยบายก้าวหน้าหลายด้าน เช่น อาหารกลางวันนักเรียนฟรี กำหนดเป้าหมายสู้โลกร้อน และลดภาษีเพิ่มสวัสดิการให้คนชั้นกลาง ด้านทีมหาเสียงของทรัมป์โจมตีนายวอลซ์ทันทีว่า มีแนวคิดเสรีนิยมเหมือนนางแฮร์ริส ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของชาวอเมริกันส่วนใหญ่.-812(814).-สำนักข่าวไทย

“แฮร์ริส” จะเปิดตัวผู้สมัครคู่ชิงรอง ปธน.สหรัฐ

ฟิลาเดลเฟีย 31 ม.ค. – แหล่งข่าวเผยว่า นางคอมมาลา แฮร์ริส ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ จะเปิดตัวผู้สมัครคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐ และปราศรัยหาเสียงร่วมกันเป็นครั้งแรกที่รัฐเพนซิลเวเนีย ในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น การตัดสินใจเลือกผู้สมัครคู่กับนางแฮร์ริสกลายเป็นจุดสนใจ นับตั้งแต่ที่เธอเป็นตัวเต็งที่จะได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศสละสิทธิและสนับสนุนเธอ สำหรับรายชื่อผู้ที่อยู่ในการพิจารณาเป็นผู้สมัครคู่กับแฮร์ริส วัย 59 ปี ได้แก่ นายจอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย วัย 51 ปี, นายแอนดี บะเชียร์ ผู้ว่าการรัฐเคนทักกี วัย 46 ปี, สว. มาร์ก เคลลี รัฐแอริโซนา วัย 60 ปี, นายทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา วัย 60 ปี และนายพีต บูทิเจจ รัฐมนตรีคมนาคม วัย 42 ปี การเลือกปราศรัยหาเสียงกับผู้สมัครคู่เป็นครั้งแรกที่รัฐเพนซิลเวเนียทำให้นายชาปิโร […]

“ทรัมป์” หาเสียงโจมตี “แฮร์ริส” ชุดใหญ่

มินนิโซตา 28 ก.ค.- โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีและตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐหาเสียงโจมตีรองประธานาธิบดีคอมมาลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ทั้งที่เคยเรียกร้องเรื่องความเป็นเอกภาพในประเทศ หลังรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหาร ทรัมป์ วัย 78 ปี หาเสียงที่เมืองเซนต์คลาวด์ รัฐมินนิโซตาเมื่อวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ เริ่มด้วยการประณามเหตุยิงขีปนาวุธคร่าชีวิตเด็ก ๆ ที่สนามฟุตบอลในที่ราบสูงโกลัน ซึ่งเป็นดินแดนยึดครองของอิสราเอล ทรัมป์ระบุว่า เป็นฝีมือของฮิซบอลเลาะห์ และเกิดขึ้นในที่ราบสูงโกลันที่เขาให้การรับรองในสมัยที่เป็นรัฐบาลว่าเป็นดินแดนของอิสราเอล เหตุโจมตีนี้จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่า เกิดจากประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีที่อ่อนแอและไร้ฝีมือของสหรัฐ สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นหากเขายังคงเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ จากนั้นทรัมป์ได้หาเสียงโจมตีแฮร์ริสว่า เป็นพวกบ้าคลั่งที่เป็นฝ่ายซ้ายหัวรุนแรง เรื่องใหญ่ของเธอมีเรื่องเดียวคือ ยุบกองกำลังตำรวจ หากคอมมาลา แฮร์ริสได้เป็นประธานาธิบดี นั่นหมายถึงอีก 4 ปีของกระแสสุดโต่ง ความอ่อนแอ ความล้มเหลว ความโกลาหล และสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่อาจจะเกิดขึ้น ทรัมป์กล่าวหาพรรคเดโมแครตว่า เป็นพวกหัวรุนแรง ขี้โกง โกงการเลือกตั้งครั้งก่อน และจะโกงการเลือกตั้งครั้งนี้ พร้อมกับปิดท้ายการปราศรัยหาเสียงว่า เขาจะทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ต่อมานายเจ ดี แวนซ์ ผู้สมัครคู่ชิงรองประธานาธิบดีของทรัมป์ปราศรัยโจมตีแฮร์ริสว่า สงสัยในความจงรักภักดีต่อประเทศชาติของเขา ทั้งที่เขาเคยรับราชการในหน่วยนาวิกโยธิน เคยไปรบที่อิรัก […]

“แฮร์ริส” หาเสียงครั้งแรก หลัง “ไบเดน” ถอนตัว

วิสคอนซิน 24 ก.ค.- นางคอมมาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐเริ่มการหาเสียงเป็นครั้งแรก ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นว่า เธอเป็นมือกฎหมายที่จะมาปราบนาย โดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเดือนพฤศจิกายนนี้ นางแฮร์ริส ได้ปราศัยหาเสียงเป็นครั้งแรก หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศถอนตัวและสนับสนุนให้เธอเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยเลือกไปเปิดเวทีที่รัฐวิสคอนซิน ที่ซึ่งพรรครีพับลิกันเพิ่งจัดการประชุมใหญ่และประกาศอย่างเป็นทางการให้ทรัมป์ เป็นตัวแทนพรรคชิงทำเนียบขาวเมื่อสัปดาห์ก่อน ใจความหลักของคำปราศัยที่นางแฮร์ริสใช้ในการต่อสู้กับทรัมป์ มาจากประสบการณ์ทำงานในตำแหน่งอัยการของเธอ โดยได้เปรียบเทียบว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นต่อสู้ระหว่างผู้รักษากฎหมายกับอาชญากรผู้ต้องคำพิพากษาคดีอาญา เนื่องจากทรัมป์ เป็นอดีตประธานาธิบดีคนแรกและคนเดียวที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดคดีอาญา จากกรณีจ่ายเงินเปิดปากนักแสดงภาพยนตร์ผู้ใหญ่ แล้วยังมีคดีอาญาอีก 3 คดีที่อยู่ในกระบวนการฟ้องร้อง นางแฮร์ริสกล่าวว่า เธอเป็นผู้คุ้มกฎหมายที่ต่อสู้กับคนร้ายทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นคนล่วงละเมิดทางเพศ คนคดโกง หรือ ผู้หลอกลวงเพื่อประโยชน์ตัวเอง ทั้งนี้นับตั้งแต่นางแฮร์ริสได้กลายเป็นตัวแทนพรรคอย่างไม่เป็นทางการ กระแสตอบรับและคะแนนนิยมดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดเงินบริจาคที่เพิ่มสูง โดยได้รับบริจาคเพิ่มกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 3,600 ล้านบาท)  ในเวลาเพียงเวลาแค่ 1 วันครี่ง ขณะที่ผลการสำรวจของรอยเตอร์พบว่า เธอมีคะแนนนำทรัมป์เล็กน้อยร้อยละ 44 ต่อ 42  ด้านทรัมป์ได้กล่าวโจมตีนางแฮร์ริสว่า เป็นคนพูดปดที่มีแนวคิดซ้ายจัด ซึ่งจะทำลายชาติบ้านเมือง แต่เขาเชื่อว่าจะสามารถเอาชนะแฮร์ริสได้ง่ายกว่าไบเดน ส่วนสมาชิกรีพับลิกันและทีมหาเสียงของทรัมป์มุ่งโจมตีแฮร์ริสว่า ผลงานย่ำแย่เรื่องอาชญากรรม […]

“แฮร์ริส” มีคะแนนเกินเกณฑ์ที่เดโมแครตจะเสนอชื่อแล้ว

เดลาแวร์ 23 ก.ค. – แหล่งข่าวการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคเดโมแครตเผยว่า รองประธานาธิบดีคอมมาลา แฮร์ริส มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง หรือเดลิเกต (delegate) เกินเกณฑ์ที่จะต้องมีเพื่อให้ได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐแล้ว รอยเตอร์อ้างการตรวจนับของสำนักข่าวเอพี (AP) ว่า แฮร์ริสมีคะแนนเดลิเกต 2,214 คะแนน เกินจากที่ต้องได้อย่างน้อย 1,975 คะแนน จากเดลิเกตทั้งหมด 3,949 คะแนน จึงจะได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคลงเลือกตั้งประธานาธิบดี ในการประชุมใหญ่พรรคที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 สิงหาคมที่เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ อย่างไรก็ดี เอพีระบุว่า การตรวจนับดังกล่าวเป็นการสำรวจที่ไม่ใช่ผลอย่างเป็นทางการ เนื่องจากเดลิเกตของพรรคเดโมแครตมีอิสระในการลงคะแนนเลือกผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรค ด้านนางแฮร์ริสกล่าวกับทีมงานสำนักงานหาเสียงหลักของพรรคเดโมแครตที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์เมื่อวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐว่า เธอมีความมุ่งมั่นที่จะต้องได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรค ดังนั้นจึงจะใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่อีก 106 วัน ทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ร่วมกับทีมหาเสียง เพื่อให้พรรคเป็นหนึ่งเดียว และประเทศเป็นหนึ่งเดียว.-814.-สำนักข่าวไทย

ผู้นำโลกแสดงท่าทีเรื่อง “ไบเดน” ถอนตัวชิง ปธน.อีกสมัย

วอชิงตัน 22 ก.ค.- ผู้นำหลายประเทศแสดงความเห็นและท่าที หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐประกาศยุติการหาเสียงเลือกตั้ง และถอนตัวจากการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย ผู้นำประเทศตะวันตกที่ส่วนใหญ่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐ เช่น อังกฤษ แคนาดา เยอรมนี สเปน นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ยกย่องไบเดนที่แสดงความเป็นผู้นำในช่วงที่ผ่านมา และเคารพการตัดสินใจถอนตัวของเขา ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนขอบคุณไบเดนที่สนับสนุนการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของยูเครนอย่างไม่หวั่นไหว และมีการตัดสินใจครั้งสำคัญหลายอย่าง ซึ่งจะถูกจดจำว่าเป็นก้าวที่กล้าหาญของประธานาธิบดีไบเดน นายกรัฐมนตรีเบนยามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลยืนยันว่า ไม่ว่าชาวอเมริกันจะเลือกพรรคการเมืองใดในรัฐสภาสหรัฐเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ อิสราเอลจะยังคงเป็นพันธมิตรในตะวันออกกลางที่แข็งแกร่งและขาดไม่ได้ของสหรัฐ เขามีกำหนดเดินทางไปสหรัฐเพื่อพบประธานาธิบดีไบเดน ผู้ที่เขารู้จักมานานกว่า 40 ปี จึงจะถือโอกาสนี้ขอบคุณในสิ่งที่ไบเดนได้ทำให้แก่อิสราเอลในฐานะสมาชิกวุฒิสภา รองประธานาธิบดี และประธานาธิบดี ด้านประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโรของเวเนซุเอลามองว่า ไบเดนตัดสินใจได้สมเหตุสมผลและถูกต้องที่สุด ไบเดนให้ความสำคัญกับสุขภาพและครอบครัว หลังจากตระหนักว่า อายุขนาดนั้นและสุขภาพที่อ่อนแอทำให้ไม่สามารถปกครองประเทศได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียแสดงความเห็นว่า ยังเหลือเวลาอีก 4 เดือนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นช่วงเวลานานพอสมควรที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้มากมาย รัสเซียจึงต้องใจเย็นและติดตามอย่างรอบคอบ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของรัสเซียในเวลานี้ คือ ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร ซึ่งเป็นคำที่รัสเซียใช้หมายถึง สงครามในยูเครน ส่วนโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนไม่ขอแสดงความเห็นในเรื่องนี้ โดยให้เหตุผลว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นเรื่องภายในของสหรัฐ.-814.-สำนักข่าวไทย

เผยสาเหตุที่ทำให้ “ไบเดน” ตัดสินใจถอนตัวกะทันหัน

วอชิงตัน 22 ก.ค.- แหล่งข่าวเผยสาเหตุที่ทำให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ตัดสินใจถอนตัวจากการชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 อย่างกะทันหัน หลังจากถูกสมาชิกพรรคเดโมแครตกดดันมาหลายสัปดาห์ แหล่งข่าวเผยว่า หนึ่งวันก่อนหน้านั้นไบเดนยังบอกกับคนสนิทหลายคนว่า จะเดินหน้าหาเสียงเพื่อเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เป็นการส่งสัญญาณให้เดินหน้าทุกอย่างอย่างเต็มกำลัง แต่หลังจากที่ได้วิเคราะห์ข้อมูลการหยั่งเสียงเมื่อคืนวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ไบเดนได้เปลี่ยนใจ และโทรศัพท์ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสในทำเนียบขาวและทีมหาเสียงเลือกตั้งก่อนเวลา 13:45 น.วันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนประกาศการตัดสินใจต่อสาธารณะเมื่อเวลา 13:46 น. ผ่านการเผยแพร่จดหมายถึงชาวอเมริกันทั้งประเทศ แหล่งข่าวเผยว่า คนสนิทระดับสูงได้นำผลการหยั่งเสียงภายในและข่าวที่น่าตกใจมาแจ้งให้ไบเดนทราบเมื่อคืนวันเสาร์ ระหว่างที่เขากักตัวที่บ้านพักในรัฐเดลาแวร์ ตั้งแต่ตรวจพบว่าติดโควิดเมื่อวันพุธว่า ไบเดนไม่เพียงมีคะแนนตามหลังทรัมป์ในรัฐสมรภูมิหรือสวิงสเตทสำคัญ 6 รัฐที่อาจจะชี้ชะตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่ยังเสี่ยงพ่ายแพ้ในรัฐเวอร์จิเนียและรัฐมินนิโซตาที่พรรคเดโมแครตไม่คิดจะทุ่มทรัพยากรหาเสียงด้วย จากนั้นไบเดนเรียกประชุมทีมงานทางโทรศัพท์ และอ่านจดหมายแจ้งถอนตัวให้ฟัง โดยระบุว่า เขาได้ขบคิดเรื่องนี้อย่างหนักตลอด 48 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น แหล่งข่าวเผยด้วยว่า ไบเดนได้คุยกับรองประธานาธิบดีคอมมาลา แฮร์ริสหลายครั้งตลอดทั้งวันอาทิตย์ ก่อนประกาศตัดสินใจถอนตัวจากการเลือกตั้ง ไบเดนวัย 81 ปี เผชิญแรงกดดันมาตั้งแต่แสดงให้เห็นถึงความชราภาพในการโต้วาทีแสดงวิสัยทัศน์หรือดีเบตกับทรัมป์ครั้งแรกเมื่อค่ำวันที่ 27 มิถุนายนตามเวลาสหรัฐ.-814.-สำนักข่าวไทย

“แฮร์ริส” เดินหน้าหาเสียงสนับสนุนภายในพรรคเดโมแครต

วอชิงตัน 22 ก.ค.- นางคอมมาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐเริ่มหาเสียงสนับสนุนภายในพรรคเดโมแครต หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศยุติการหาเสียง และเสนอชื่อเธอเป็นตัวแทนพรรคเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่5 พฤศจิกายน แฮร์ริสวัย 59 ปี โพสต์ข้อความที่เป็นแถลงการณ์ลงสื่อสังคมออนไลน์เอ็กซ์ (X) ขอขอบคุณไบเดน ที่ทำงานอุทิศตนเพื่อประเทศมายาวนาน มีผลงานเป็นที่จดจำมากมาย การตัดสินใจถอนตัวของไบเดน เป็นการกระทำที่ไม่เห็นแก่ตัวและรักชาติ เธอรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีไบเดน เธอจะทำทุกอย่างเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพในพรรคเดโมแครตและในประเทศ เพื่อเอาชนะนายทรัมป์ ตอนนี้เหลือเวลา 107 วัน จะถึงวันเลือกตั้ง พวกเราจะร่วมใจกันต่อสู้และจะเป็นฝ่ายชนะเลือกตั้ง แหล่งข่าวระบุว่า ทีมหาเสียงและพันธมิตรของแฮร์ริสเริ่มกระบวนการหาเสียงด้วยการโทรศัพท์หลายร้อยสาย ระดมการสนับสนุนจากคณะผู้เลือกตั้ง ก่อนการประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตช่วงวันที่19-22 สิงหาคม และจะพยายามสกัดผู้ที่อาจสมัครเป็นคู่แข่ง เธอต้องได้รับการสนับสนุนจากคณะผู้เลือกตั้งของพรรคเดโมแครต 1,969 เสียงขึ้นไปจากทั้งหมด 3,936 เสียง จึงจะได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดี.-810(814).-สำนักข่าวไทย

“ทรัมป์” ขึ้นเวทีหาเสียงครั้งแรกตั้งแต่เกิดเหตุพยายามลอบสังหาร

นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐและตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกาบนนี้.ขึ้นเวทีที่รัฐมิชิแกน ปราศรัยหาเสียงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์พยายามลอบสังหารเขา

“ไบเดน” ติดโควิด-แยกกักตัวที่รัฐเดลาแวร์

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ซึ่งกำลังถูกกระแสกดดันจากเพื่อนสมาชิกพรรคเดโมแครตให้ถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ในขณะที่เขาเดินทางไปเยือนนครลาสเวกัสในวันพุธ

สำนักงานจเรความมั่นคงมาตุภูมิสอบหน่วยอารักขาเรื่องทรัมป์

วอชิงตัน 17 ก.ค.- สำนักงานจเร กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิของสหรัฐกำลังสอบสวนแผนงานของหน่วยอารักขาประธานาธิบดี (Secret Service) ที่จัดเตรียมการอารักขาให้แก่โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีในการหาเสียงเลือกตั้ง หลังเกิดเหตุพยายามลอบสังหารทรัมป์ในเหตุการณ์ดังกล่าว เว็บไซต์สำนักงานเจรได้เผยแพร่ประกาศการสอบสวนดังกล่าวไว้ในหน้า “โครงการที่กำลังดำเนินการ” ที่อยู่ในหมวดหมู่การต่อต้านการก่อการร้ายและภัยคุกคามมาตุภูมิ ประกาศระบุว่า สำนักงานจเรจะประเมินกระบวนการของหน่วยอารักขาประธานาธิบดีในการอารักขาอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ในการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ข้อมูลในเว็บไซต์สำนักงานจเรระบุภารกิจไว้ว่า มีหน้าที่ในการตรวจสอบอย่างอิสระ และส่งเสริมความเป็นเลิศ ความซื่อสัตย์ และความน่าเชื่อถือภายในกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ ขณะที่หน่วยอารักขาประธานาธิบดีเป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงดังกล่าว มีหน้าที่ให้การอารักขาผู้นำทางการเมืองของสหรัฐและครอบครัวและผู้นำประเทศที่มาเยือนสหรัฐ และมีหน้าที่สอบสวนการทำความผิดอาญาทางการเงิน ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวในวันรุ่งขึ้น หลังเหตุพยายามลอบสังหารทรัมป์ว่า ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบอย่างอิสระ ขณะที่นางคิมเบอร์ลี ชีตเทิล ผู้อำนวยการของหน่วยอารักขาประธานาธิบดีแถลงเมื่อวันจันทร์ว่า เหตุลอบยิงทรัมป์ในการหาเสียงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ และเธอจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง.-814.-สำนักข่าวไทย

ยังไม่รู้เหตุจูงใจยิง “ทรัมป์”

วอชิงตัน 16 ก.ค.- โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบมูลเหตุจูงใจของมือปืนที่พยายามลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แครีน ฌ็อง ปิแยร์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า ยังไม่ทราบความคิดเห็นใดๆ และยังไม่รู้ว่ามีใครมีส่วนร่วมในการก่อเหตุครั้งนี้ด้วยหรือไม่ ขณะที่นายอเลฮันโดร มายอร์คัส รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิแถลงว่า การตรวจสอบของคณะทำงานอิสระในกรณีลอบยิงนายทรัมป์กำลังจะเริ่มขึ้นในเร็ว ๆ นี้ พร้อมทั้งกล่าวเสริมว่า หน่วยอารักขาประธานาธิบดี (Secret Service) จะให้การดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่สำหรับนายเจ.ดี.แวนซ์ คู่ชิงรองประธานาธิบดีของนายทรัมป์ รวมทั้งนายโรเบิร์ต เอฟ.เคนเนดี จูเนียร์ ผู้สมัครอิสระซึ่งลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในครั้งนี้ด้วย ด้านคิมเบอร์ลี ชีเทิล ผู้อำนวยการสำนักงานอารักขาประธานาธิบดีที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการดูแลความปลอดภัยประธานาธิบดีและอดีตประธานาธิบดี เผยเพียงว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ปฏิบัติการได้ตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และยืนยันว่าทางสำนักงานฯ กำลังเสริมมาตรการต่าง ๆ เพื่อรับประกันว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวอีก และจะให้ความร่วมมือในการสืบสวนกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดกับทรัมป์อย่างเต็มที่.-815,816(814).-สำนักข่าวไทย

1 2 3 4 5 56
...