“บิล ริชาร์ดสัน” นักการทูตผู้เดินทางรอบโลกของสหรัฐถึงแก่กรรม

วอชิงตัน 3 ก.ย.- นายบิล ริชาร์ดสัน นักการเมืองและนักการทูตสหรัฐที่เดินทางปฏิบัติภารกิจรอบโลกถึงแก่กรรมแล้วด้วยวัย 75 ปี ศูนย์ริชาร์ดสันเพื่อการข้องเกี่ยวกับโลกแถลงว่า ริชาร์ดสันถึงแก่กรรมอย่างสงบในขณะนอนหลับเมื่อคืนวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น เขาใช้ทั้งชีวิตเพื่อคนอื่น ทั้งเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งในรัฐบาลและในหน้าที่การงานหลังจากนั้น เพื่อช่วยผู้ถูกจับเป็นตัวประกันหรือถูกคุมขังอย่างไม่ถูกต้องในต่างประเทศ ริชาร์ดสันมีบิดาเป็นชาวอเมริกัน มารดาเป็นชาวเม็กซิกัน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐนิวเม็กซิโกปี 2546-2554 รัฐมนตรีพลังงานปี 2541-2544 เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติปี 2540-2541 เขาเคยสมัครชิงเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2551 แต่ถอนตัวและให้การสนับสนุนบารัค โอบามาที่ได้เป็นตัวแทนพรรค ริชาร์ดสันได้รับฉายา “อินเดียน่า โจนส์” แห่งการทูตสหรัฐ และเป็นที่รู้จักเรื่องการกล้าเผชิญหน้ากับผู้นำหลายประเทศที่ถูกสหรัฐตราหน้าให้เป็นรัฐนอกรีต เช่น อดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซนของอิรัก อดีตประธานาธิบดีฟิเดล คาสโตรของคิวบา ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐแถลงยกย่องนายริชาร์ดสันว่า เดินทางไปทุกที่และพบกับทุกคนเพื่อช่วยชาวอเมริกันที่ถูกควบคุมตัวในสถานที่ที่อันตรายที่สุดในโลก เช่น เกาหลีเหนือ อิรัก ซูดาน ล่าสุดเขามีบทบาทในการช่วยให้บริตนีย์ ไกรเนอร์ นักบาสเก็ตบอลชื่อดังได้กลับประเทศในเดือนธันวาคม 2565 หลังจากถูกรัสเซียควบคุมตัวโทษฐานครอบครองตลับน้ำมันกัญชา.-สำนักข่าวไทย

อดีตทูตสหรัฐเชื่อเมียนมาพร้อมคุยกับประชาคมโลก

วอชิงตัน 9 พ.ย.- นายบิล ริชาร์ดสัน อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติเผยหลังจากไปเยือนเมียนมาว่า เขาเชื่อว่ารัฐบาลทหารเมียนมาพร้อมทำงานกับประชาคมโลกเรื่องจัดสรรความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และอาจรวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ นายริชาร์ดสัน วัย 73 ปี ให้สัมภาษณ์เอเอฟพีหลังกลับจากการเยือนเมียนมาเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า หวังว่าเขาได้ทำให้เมียนมามีความคืบหน้าในหลายเรื่อง เช่น การแก้ปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และรู้สึกได้ว่าเมียนมาเปิดกว้างพร้อมติดต่อกับโลกภายนอก เขาไปเยือนเมียนมาตามคำเชิญของกระทรวงต่างประเทศเมียนมาที่ต้องการวัคซีนป้องกันโควิด จึงได้แนะนำให้รับวัคซีนเบื้องต้น 2 ล้านโดสก่อน จากโครงการโคแว็กซ์ที่นำโดยองค์การอนามัยโลก และแนะนำวิธีการจัดส่งอาหารไปยังพื้นที่ชนบทที่เดือดร้อนหนัก นอกจากนี้ยังได้เป็นคนกลางเจรจาให้คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศได้กลับไปตรวจเยี่ยมเรือนจำในเมียนมาอีกครั้ง หลังจากงดไปเพราะโรคโควิด-19 นายริชาร์ดสันกล่าวถึงเสียงวิจารณ์เรื่องถ่ายรูปกับพลเอกอาวุโสมิน อ่องหล่าย ผู้นำสูงสุดเมียนมาว่า เขาเชื่อว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่า เพราะได้ช่วยชาวเมียนมาที่ทำงานให้กับศูนย์ริชาร์ดสันของเขาได้ออกจากเรือนจำ ได้ช่วยให้ประเด็นมนุษยธรรมและวัคซีนในเมียนมามีความคืบหน้า อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้หยิบยกเรื่องนายแดนนี เฟนสเตอร์ ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันที่ถูกเมียนมาตั้งข้อหาอาญา 3 ข้อหา เพราะกระทรวงต่างประเทศสหรัฐขอไว้ว่าไม่ให้พูดถึง.-สำนักข่าวไทย

...