วอชิงตัน 9 พ.ย.- นายบิล ริชาร์ดสัน อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติเผยหลังจากไปเยือนเมียนมาว่า เขาเชื่อว่ารัฐบาลทหารเมียนมาพร้อมทำงานกับประชาคมโลกเรื่องจัดสรรความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และอาจรวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ
นายริชาร์ดสัน วัย 73 ปี ให้สัมภาษณ์เอเอฟพีหลังกลับจากการเยือนเมียนมาเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า หวังว่าเขาได้ทำให้เมียนมามีความคืบหน้าในหลายเรื่อง เช่น การแก้ปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และรู้สึกได้ว่าเมียนมาเปิดกว้างพร้อมติดต่อกับโลกภายนอก เขาไปเยือนเมียนมาตามคำเชิญของกระทรวงต่างประเทศเมียนมาที่ต้องการวัคซีนป้องกันโควิด จึงได้แนะนำให้รับวัคซีนเบื้องต้น 2 ล้านโดสก่อน จากโครงการโคแว็กซ์ที่นำโดยองค์การอนามัยโลก และแนะนำวิธีการจัดส่งอาหารไปยังพื้นที่ชนบทที่เดือดร้อนหนัก นอกจากนี้ยังได้เป็นคนกลางเจรจาให้คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศได้กลับไปตรวจเยี่ยมเรือนจำในเมียนมาอีกครั้ง หลังจากงดไปเพราะโรคโควิด-19
นายริชาร์ดสันกล่าวถึงเสียงวิจารณ์เรื่องถ่ายรูปกับพลเอกอาวุโสมิน อ่องหล่าย ผู้นำสูงสุดเมียนมาว่า เขาเชื่อว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่า เพราะได้ช่วยชาวเมียนมาที่ทำงานให้กับศูนย์ริชาร์ดสันของเขาได้ออกจากเรือนจำ ได้ช่วยให้ประเด็นมนุษยธรรมและวัคซีนในเมียนมามีความคืบหน้า อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้หยิบยกเรื่องนายแดนนี เฟนสเตอร์ ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันที่ถูกเมียนมาตั้งข้อหาอาญา 3 ข้อหา เพราะกระทรวงต่างประเทศสหรัฐขอไว้ว่าไม่ให้พูดถึง.-สำนักข่าวไทย