คณะราษฎรเรียกร้องปล่อยตัวแกนนำที่ถูกจับ

กลุ่มมวลชนคณะราษฎร 63 ชุมนุมแยกราชประสงค์ มีกลุ่มมวลชนทยอยเดินทางเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง เรียกร้องปล่อยตัวแกนนำที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้

รัฐบาลแจงความจำเป็นใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

โฆษกรัฐบาลแจงความจำเป็นประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขต กทม. ย้ำไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้ากับมวลชนที่เห็นต่าง และป้องกันความรุนแรงในอนาคต เผย ประชุม ครม.นัดพิเศษ พรุ่งนี้ (16 ต.ค.) รับทราบประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ประมวลภาพชุมนุมก่อนประกาศยุติ-รวบแกนนำ

หลังเมื่อวานนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎรได้ปักหลักชุมนุมรอบทำเนียบฯ แต่ที่สุดหลังมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ทำให้แกนนำประกาศยุติการชุมนุมที่หน้าทำเนียบฯ ในช่วงเช้า

“ข้อเรียกร้อง” ปัจจัยสู่การชุมนุมยืดเยื้อ

กรุงเทพฯ 14 ต.ค. – การชุมนุมของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “คณะราษฎร 2563” ในวันนี้ ซึ่งมีการชู 3 ข้อเรียกร้อง และประกาศว่าจะชุมนุมยืดเยื้อ มีมุมมองจากนักวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งวิเคราะห์จากข้อเรียกร้องในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่า แต่ละข้อเรียกร้องเกิดจากการหลอมรวมของผู้ชุมนุมหลายกลุ่ม และมองว่า การชุมนุมจะไม่จบแค่ครั้งนี้ เพราะมีหลายปัจจัยที่อาจไม่ได้รับการตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง. – สำนักข่าวไทย

ลำดับเหตุการณ์คณะราษฎรเคลื่อนพลบุกทำเนียบฯ

กรุงเทพฯ 14 ต.ค. – สำนักข่าวไทย ประมวลเหตุการณ์สำคัญของการชุมนุมกลุ่มคณะราษฎร รวมถึงการรวมตัวคู่ขนานของกลุ่มต่างๆ ตลอดทั้งวันจนถึงช่วงเย็นวันนี้ ซึ่งพบว่ามีการกระทบกระทั่งกันในบางจุด ทำให้มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย เวลา 08.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร รวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เตรียมพร้อมเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล พร้อมย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง ไม่ให้ใช้ความรุนแรง ขณะที่ตำรวจระดมกำลังเตรียมพร้อม เน้นปิดกั้นตามเส้นทางจุดยุทธศาสตร์ ตามเส้นทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แยกผ่านฟ้าลีลาศ ถ.ราชดำเนินนอก สะพานมัฆวานรังสรรค์ รวมถึงบริเวณสะพานเทวกรรมรังรักษ์ และสะพานชมัยมรุเชฐ ที่เป็นเส้นทางเคลื่อนขบวนสำรอง เวลา 09.30 น. มีความเคลื่อนไหวบริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ฝั่งประตู 5 กลุ่มคณะกรรมการเครือข่ายไฟฟ้า ประปาและยา เพื่อชาติประชาชน (คฟปย.) และกลุ่มของ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ทยอยรวมตัวกัน ภารกิจหลัก คือ รับเสด็จฯ โดยประกาศหากกลุ่มคณะราษฎรสกัดขบวนเสด็จฯ จะไม่ยินยอม และยอมรับว่า การที่ตำรวจคุมตัว “ไผ่ ดาวดิน” ดำเนินคดี อาจเป็นการเติมเชื้อไฟ […]

แกนนำจะเคลื่อนขบวนไปทำเนียบฯ 16.00 น.

บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎรที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ได้ปิดการจราจรในวงเวียนอนุสาวรีย์ฯ ฝั่งหน้าร้านแมคโดนัลด์แล้ว แต่ในฝั่งเมธาวลัย ศรแดง รถยังสัญจรได้ตามปกติ

แกนนำกลุ่มคณะราษฎรย้ำชุมนุมด้วยสันติวิธี

แกนนำกลุ่มคณะราษฎรย้ำการชุมนุมวันนี้จะเป็นไปด้วยสันติวิธี ไม่มีการยั่วยุใดๆ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยทั้งหมด 95 กองร้อย

หวั่นการชุมนุมยืดเยื้อกระทบเศรษฐกิจ

หอการค้าไทยหวั่นการชุมนุมยืดเยื้ออาจกระทบต่อเศรษฐกิจไทยติดลบเพิ่ม แต่หากจบเร็วและมาตรการกระตุ้นภาครัฐจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ติดลบไม่มาก

“พุทธะอิสระ” ยืนยันสถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วง

กรุงเทพฯ 14 ต.ค.- อดีตพระพุทธะอิสระ ยืนยันสถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วง ทุกอย่างเป็นไปอย่างสงบ ลั่นไม่ยอมให้ใครขวางขบวนเสด็จฯ รับเหตุการณ์รวบ “ไผ่ ดาวดิน” เติมเชื้อไฟกระตุ้นร่วมม็อบ เชื้อคนไทยยังมีหัวใจรักชาติจำนวนมาก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศบริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาลฝั่งประตู 5 กลุ่มคณะกรรมการเครือข่ายไฟฟ้า-ประปาและยา เพื่อชาติประชาชน (คฟปย.) และกลุ่มของ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เริ่มทยอยเดินทางมาร่วมตัวกัน และกลุ่มไทยภักดี นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม จะเดินทางมาสมทบเวลาประมาณ 14.00 น. เพื่อรอรับขบวนเสด็จฯ แสดงพลังความจงรักภักดีและปกป้องสถาบัน ทั้งนี้นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพระพุทธะอิสระ ให้สัมภาษณ์โดยยืนยันว่าสถานการณ์ไม่มีอะไรน่าวิตกกังวล เนื่องจากทุกอย่างเป็นไปอย่างสงบ และจะยังคงมีมวลชนทยอยเดินทางมาจากพื้นที่ต่างจังหวัดเข้าสบทบอีกจำนวนมาก ส่วนมีความเป็นห่วงหรือไม่ หากมีการเคลื่อนมวลชนของกลุ่มคณะราษฎร เนื่องจากแกนนำประกาศบุกยึดทำเนียบรัฐบาล อดีตพระพุทธะอิสระ กล่าวว่า เป้าหมายกลุ่มของตน คือรับและส่งเสด็จฯ เมื่อเสร็จภารกิจก็จบ ซึ่งหากสกัดกั้นขบวนเสด็จฯ คงไม่ยอม หากจะชุมนุมจะไปเส้นทางใดก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่เส้นทางเสด็จฯ เนื่องจากเส้นทางต้องสะอาด ไร้มลทิน “ยอมรับว่าเมื่อวานนี้ (13 […]

แกนนำชุมนุมยืนยันปิดทำเนียบรัฐบาล

แกนนำกลุ่มคณะราษฎร ปราศรัยย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง ยืนยันจะปิดทำเนียบรัฐบาล ไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าไปทำงาน

“พิธา” ยันร่วมชุมนุม 14 ต.ค.นี้

ปทุมธานี 10 ต.ค.-หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยันร่วมชุมนุม 14 ต.ค.นี้ เชื่อตำรวจดูแลความเรียบร้อย ห่วง กมธ.ร่วมพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญยื้อเวลา ยิ่งเพิ่มอุณหภูมิการเมืองบนถนน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการ ที่จะมีการพิจารณาจะสรุปในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ ว่า ยังมองเป็นเรื่องการยื้อเวลา และหากมีการโหวตคว่ำในสมัยประชุมหน้าก็จะทำให้ญัตติต่าง ๆ รวมถึงร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนไม่ได้รับการพิจารณาในสมัยประชุมครั้งหน้าได้ แต่เชื่อว่าตามข้อบังคับข้อที่ 41 หากมีความจำเป็น ประธานรัฐสภายังสามารถที่จะนำร่างของภาคประชาชนเข้ามาพิจารณาใหม่ได้ จึงหวังว่าในสมัยประชุมหน้า ยังคุยเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ถ้าประธานรัฐสภาเห็นว่ามีความจำเป็น ส่วนการที่กรรมาธิการร่วมฯ จะมีมติในวันที่ 14 ตุลาคม ซึ่งมีการเคลื่อนไหวชุมนุมอยู่นอกสภาฯ นายพิธา กล่าวว่า ทุกคนต้องรู้ร้อนรู้หนาวกับความต้องการของประชาชน วิกฤติบ้านเมือง เศรษฐกิจ และความมั่นใจของประชาชน ถ้าต้องการผ่อนอุณหภูมิทางการเมือง อย่างน้อยน่าจะมีการโหวต และบอกทิศทางของประเทศจะเป็นอย่างไร เพราะการเตะถ่วงไม่น่าจะเป็นผลดี เพราะมีการประท้วงเกิดขึ้น และจะยิ่งเป็นการเพิ่มอุณหภูมิ ถ้าสภาฯ ไม่สามารถเป็นหลักในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ ก็เท่ากับเป็นการผลักประชาชนออกไปนอกสภาฯ ไปอยู่บนท้องถนน ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลไม่ต้องการ นายพิธา ยังยืนยันที่จะไปร่วมชุมนุมในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ […]

อนุทิน ไม่ห้ามชุมนุม 14ต.ค.แต่ขอให้คุมโควิด

สธ.9 ต.ค.-“อนุทิน”เชื่อนักท่องเที่ยวจีนลักลอบเข้าไทย ผ่านพรมแดนไทยเมียนมา ไม่น่าจะมาเที่ยวจริง อาจเข้ามาประสงค์อื่น ส่วนการชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค.นี้ไม่ห้าม แต่ขอให้ป้องกัน สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ นายอนุทิน ชายวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวปฎิเสธไม่ได้รับรายงานกรณีมีนักท่องเที่ยวชาวจีนลักลอบเข้าไทย เดินทางมาางแนวพรมแดนจากเมียนมา และเข้าไทยจำนวน 19 คน แล้วมาเช่าบ้านพักหรู ในตำบลฟ่าฮ่าม จังหวัดเชียงใหม่ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อพฤติกรรมการลักลอบเข้าไทยนี้ น่าจะไม่ใช่กลุ่มนักท่องเที่ยวแน่นอน และก็ต้องถือว่าระบบการป้องกันเฝ้าระวังของไทย ยังมีประสิทธิภาพดี ส่วนเรื่องการชุมนุมทางการเมืองวันที่14 ตุลาคมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ขอให้ผู้ที่จะเข้าร่วมกิจกรรมสวมใส่หน้ากากอนามัยด้วยทุกครั้งและหมั่นล้างมือ เพราะเชื่อว่าอย่างไรก็ต้องมีการสัมผัสใกล้ชิดกัน จับมือกัน การป้องกันตนเองเหล่านี้เป็นเรื่องพื้นฐาน อย่างน้อยก็ช่วยให้ห่างไกลโรค ห่างไกลจากละอองผอยและช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง มีฝนตกหนักก็ขอให้ป้องกันตนเองให้ดี ไม่เช่นนั้น อาจป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ .-สำนักข่าวไทย

1 31 32 33 34 35 57
...