นายกฯ เผยมีแผนรองรับสถานการณ์อิสราเอล-อิหร่าน ทุกมิติ

ทำเนียบ 24 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์อิสราเอล-อิหร่าน พร้อมเตรียมแผนรองรับทุกมิติ เล็งใช้กองทุนพลังงาน-เก็บภาษีสรรพสามิต ช่วยพยุงราคาพลังงาน ไม่ให้กระทบประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการประชุมติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลและอิหร่าน ข้อความว่า “สถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลและอิหร่าน ที่อาจทำให้เกิดความไม่มั่นคงต่อสถานการณ์พลังงานสำรองของประเทศ​ วันนี้ดิฉันได้เชิญท่านรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ท่านรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้ามาประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมรับมือ เตรียมความพร้อมทุกมิติ ขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนค่ะว่า เรื่องนี้รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ เราได้มีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์และเตรียมแผนการล่วงหน้า สามารถมีปริมาณน้ำมันสำรองได้ 60 วัน และเราจะหามาตรการต่างๆ เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศในระยะยาวต่อไป ในส่วนของราคาพลังงาน เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่มีความผันผวน ดิฉันขอให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงาน พิจารณาการใช้กองทุนพลังงานและการเก็บภาษีสรรพสามิตเพื่อช่วยเหลือพยุงราคาพลังงานในระดับที่เหมาะสม ส่วนในระยะยาว รัฐบาลจะวางแผนในความมั่นคงของพลังงาน โดยจะใช้มาตรการเดียวกันนี้ในการจัดหาก๊าซธรรมชาติ เพื่อให้เกิดการควบคุมทั้งราคาและปริมาณ และหาความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานในภูมิภาคอาเซียนต่อไป ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ผันผวนรุนแรง การบริหารจัดการพลังงาน จะต้องถูกวางแผนอย่างเป็นระบบ เพื่อความมั่นคง ปลอดภัย และความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในประเทศระยะยาวค่ะ” .-315 -สำนักข่าวไทย

“มาริษ” ย้ำคนไทยพิจารณาออกจากพื้นที่ “อิสราเอล-อิหร่าน”

กระทรวงการต่างประเทศ 20 มิ.ย.- รมว.กต. ย้ำคนไทยในอิสราเอล-อิหร่าน พิจารณาออกจากพื้นที่อันตราย อย่าประวิงเวลา กำชับ สอท.อำนวยความสะดวกคนไทยให้ปลอดภัย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดอิสราเอล-อิหร่านที่ยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยขอเรียกร้องให้พี่น้องคนไทย “ออกจากพื้นที่” เป้าหมายการโจมตี และบริเวณใกล้เคียง โดยในระยะเร่งด่วน ตนได้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูง นำคณะจากส่วนกลางที่ไทย ไปสนับสนุนภารกิจของสถานเอกอัครราชทูตไทยในอิสราเอล และอิหร่านแล้ว เพื่อให้สามารถช่วยเหลือคนไทยได้อย่างทันท่วงที นายมาริษ ยังย้ำว่า ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ตนได้ประชุมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด กับผู้บริหารกระทรวงการต่างประเทศ และสถานทูต และสถานกงสุลใหญ่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อประเมินสถานการณ์ และได้รับรายงานว่า ขณะนี้ ในอิหร่านมีคนไทยที่เข้าพักในศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้ว 35 คน และมีผู้แสดงความประสงค์ จะเดินทางออกจากอิหร่าน 5 คน ในอิสราเอลมีคนไทยแสดงความประสงค์จะเดินทางออกจากอิสราเอล 3 คน ซึ่งตนได้กำชับให้สถานเอกอัครราชทูตในทั้ง 2 ประเทศ ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนไทยทุกคน เดินทางออกมาจากพื้นที่ทันทีที่ปลอดภัย นายมาริษ ยังย้ำว่า รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมดูแลพี่น้องคนไทยในต่างแดน แต่อยากขอให้พิจารณา […]

กต.ขอคนไทยในอิสราเอล-อิหร่าน “ออกจากพื้นที่” ทันทีที่ปลอดภัย

กระทรวงการต่างประเทศ 18 มิ.ย.- รมว.กต.ขอคนไทยในอิสราเอล-อิหร่าน “ออกจากพื้นที่” ทันทีที่ปลอดภัย สอท.เตหะรานเปิดศูนย์พักพิงรองรับแล้ว ยืนยันหากสถานการณ์ยกระดับพร้อมพิจารณาอพยพออกประเทศ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล-อิหร่านว่า ตนได้ให้กระทรวงการต่างประเทศ และสถานทูตในอิสราเอล และอิหร่าน ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล-อิหร่านอย่างใกล้ชิด และรายงานพัฒนาการในพื้นที่ให้ทราบอย่างต่อเนื่องและทันต่อสถานการณ์ โดยตนได้รับรายงานว่า สถานการณ์มีแน้วโน้มจะรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนมากขึ้น ซึ่งประเทศอื่น ๆ เช่น สหรัฐฯ และจีนได้ประกาศให้ประชาชนของตน “เดินทางออกนอกพื้นที่” ตั้งแต่เมื่อวาน (17 มิ.ย.) แล้ว นายมาริษ ยังขอให้พี่น้องคนไทยในอิสราเอล และอิหร่านพิจารณาเร่งเดินทางออกจากพื้นที่ในทันทีที่สามารถกระทำได้อย่างปลอดภัย โดยสามารถติดต่อสถานทูตในอิสราเอลและอิหร่านได้ที่: : สายด่วนสถานทูต ณ กรุงเทลอาลีฟหมายเลข +972 546 368150 และ +972 503 673195 : สายด่วนสถานทูต ณ กรุงเตหะรานหมายเลข +98 912 159 5699 และ […]

พร้อมรับมือผลกระทบด้านพลังงาน เหตุสู้รบอิสราเอล-อิหร่าน

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- รัฐบาลพร้อมรับมือผลกระทบด้านพลังงานจากการสู้รบอิสราเอล–อิหร่านอย่างใกล้ชิด เร่งปรับแผนสำรองน้ำมัน-ลดเงินส่งเข้ากองทุน ตรึงเสถียรภาพน้ำมันเพื่อความมั่นคงให้กับประเทศ นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลกระทบต่อราคาน้ำมันและเส้นทางขนส่งผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อไทยในฐานะประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน ล่าสุด นายพีระพันธุ์ ได้สั่งการให้ดำเนินมาตรการลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งในส่วนของน้ำมันเบนซินและดีเซล เพื่อช่วยพยุงราคาภายในประเทศ พร้อมใช้กลไกกองทุนฯ ดูแลเสถียรภาพระยะยาว โดยราคาน้ำมันดิบดูไบล่าสุดอยู่ที่ 72.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากต้นเดือนมิถุนายนซึ่งอยู่ที่ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะเดียวกัน กระทรวงพลังงานได้มีการประเมินปริมาณน้ำมันสำรองภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีน้ำมันดิบคงเหลือ 3,337 ล้านลิตร ใช้ได้ 25 วัน น้ำมันระหว่างขนส่ง 2,457 ล้านลิตร ใช้ได้ 19 วัน และน้ำมันสำเร็จรูป 1,874 ล้านลิตร ใช้ได้อีก 16 วัน รวมสำรองทั้งหมดใช้ได้ประมาณ 60 วัน หากสถานการณ์เลวร้ายลงจะมีการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มปริมาณสำรองทันที “รัฐบาลขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความพร้อมและศักยภาพในการรับมือทุกความผันผวนด้านพลังงานอย่างรอบด้าน ขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรการของรัฐ […]

รมว.กต.กำชับเตรียมพร้อมแผนอพยพคนไทยในอิสราเอล-อิหร่าน

17 มิ.ย.- รมว.กต.ประชุมศูนย์ RRC ติดตามสถานการณ์อิสราเอล-อิหร่าน กำชับ สอท.เตรียมแผนปฏิบัติการพร้อมแผนอพยพ ขอคนไทยติดตามข่าวสารใกล้ชิด นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังได้เรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านว่า ได้รับฟังรายงานผลการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ Rapid Response Center: RRC ซึ่งเริ่มดำเนินงานแล้ว ตามข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรับฟังพัฒนาการในพื้นที่ทั้งในอิสราเอลและในอิหร่าน ซึ่งสถานทูตไทยในอิหร่าน ได้เปิดศูนย์พักพิงสำหรับคนไทยแล้ว นายมาริษ ยังกำชับให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการเตรียมแผนปฏิบัติการ ในกรณีที่จะต้องอพยพคนไทยให้พร้อม รวมถึงประเมินความเหมาะสมในการนำแผนการอพยพมาใช้ทันทีที่จำเป็น พร้อมขอให้คนไทยในประเทศทั้งสอง รวมถึงประเทศใกล้เคียงติดตามรับฟังข่าวสารอย่างใกล้ชิด พร้อมดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Thai Consular ของกรมการกงสุลไว้ เพื่อความสะดวกในการติดต่อสถานเอกอัครราชทูตของไทย -สำนักข่าวไทย

...