“มาริษ” เผยนิมิตหมายดี กัมพูชายอมกลับมาพูดคุยทวิภาคีผ่าน 3 กลไก

28 ก.ค. – “มาริษ” ชี้ไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีต่อสายตาชาวโลก เผยนิมิตหมายดี “กัมพูชา” ยอมกลับมาพูดคุยทวิภาคีผ่าน 3 กลไก และเสนอเพิ่มช่องทางสื่อสาร “กต.-กลาโหม” (28 ก.ค.68) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังประชุมเจรจาเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาชาวโลก มีภาพลักษณ์ที่ดีมาโดยตลอด ซึ่งเป็นที่ยอมรับและชื่นชม เพราะฉะนั้นการที่เราเข้ามาถึงจุดตรงนี้ สามารถที่จะยุติข้อขัดแย้ง การกระทบกระทั่งที่ใช้กำลัง แสดงให้เห็นภาพพจน์ของประเทศไทยในสายตาของชาวโลกว่า เราเป็นประเทศที่สนับสนุนความสันติ ไม่ได้มีความประสงค์ที่จะใช้กำลัง เหมือนกับที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พูดไว้ว่า ทั้งหมดนี้ต้องการสันติภาพมาตั้งแต่ต้น ที่อดกลั้น และใช้กลไกทางสันติ ในการแก้ไขปัญหา นายมาริษ ยังระบุอีกว่า เราสามารถทำให้กัมพูชากลับมาพูดคุยผ่านกลไกแบบทวิภาคี ที่มีอยู่ทั้ง 3 ระดับ ประกอบด้วย คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี), คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี และเป็นกลไกสำคัญที่นำไปสู่การเจรจาทวิภาคีอย่างสันติ และทางฝ่ายกัมพูชาเองก็เสนอให้มีช่องทางที่ติดต่อสื่อสารระหว่างกัน คือ ช่องทางของกระทรวงการต่างประเทศ […]

“อังคณา” แนะ 2 ประเทศคุยทวิภาคีเป็นทางการ หาทางออก

รัฐสภา 23 มิ.ย.-“อังคณา” ชี้ถ้าไม่มีคลิปเสียง “แพทองธาร” คุย “ฮุนเซน” ไทยคงยังไม่ปิดด่านจนกัมพูชาใช้มาตรการตอบโต้แรง แนะ 2 ประเทศคุยทวิภาคีอย่างเป็นทางการเพื่อหาทางออก นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งไทยกัมพูชา ที่ขณะนี้มีการยกระดับมาตรการปิดด่านพรมแดนว่า เป็นการที่กัมพูชาไม่นำเข้าซื้อขายสินค้าการ ซึ่งการปิดด่านกระทบทั้ง 2 ประเทศย่อมได้รับผลกระทบอยู่แล้ว แต่การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมยังคงเป็นไปตามปกติเพราะมีช่องทางอยู่แล้ว แต่ในส่วนของไทยเองกำลังรณรงค์ให้คนไทยซื้อสินค้าให้มากขึ้น ในขณะที่กัมพูชาก็เช่นเดียวกันที่รณรงค์ในเรื่องของอาหารสด ส่วนตัวจึงเห็นว่า ควรหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรทััง 2 ฝ่าย ไม่ให้ได้รับผลกระทบมากนัก รวมถึงเรื่องการศึกษาและการสาธารณสุข นางอังคณา กล่าวว่า ทั้ง 2 ประเทศจำเป็นต้องมีการประชุมทวิภาคีร่วมกัน แต่สิ่งที่น่าเสียดายที่สุด คือการที่นายกรัฐมนตรีของไทยต่อสายพูดคุยกับสมเด็จฮุนเซนของกัมพูชา จึงทำให้ความสง่างามของนายกรัฐมนตรีไทยที่ลดลงและนำมาซึ่งการตอบโต้ เพราะหากไม่มีคลิปเสียงการสนทนาของนายกฯ กับสมเด็จฮุนเซน ไทยอาจจะยังไม่ปิดด่านโดยทันทีอย่างตอนนี้ ซึ่งจะไม่พูดในรายละเอียดของคลิปเสียงว่าสมควรไม่สมควร แต่จากคลิปเสียงดังกล่าวทำให้ไทยมีความเข้มงวดในการตอบโต้ ในขณะที่กัมพูชาก็มีมาตรการตอบโต้ที่รุนแรงมากกว่า แต่ไทยซื้อสินค้าจากกัมพูชาน้อยกว่าที่กัมพูชาซื้อจากไทย ซึ่งผลกระทบที่เกิดกับเกษตรกรผู้ส่งออกก็เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเช่นเดียวกับเรื่องของพลังงาน ที่หากไม่มีการส่งออกน้ำมัน จะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด ซึ่งส่วนตัวก็อยากมีการพูดคุยอย่างเป็นทางการให้มากกว่านี้.-319.-สำนักข่าวไทย

...