เผยข้อความที่ทำให้นายกฯ บังกลาเทศตัดสินใจหนี

ธากา 7 ส.ค.- แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทหารเผยว่า ในคืนก่อนที่นายกรัฐมนตรีเชค ฮาซีนา ของบังกลาเทศตัดสินใจหนีอออกนอกประเทศในวันรุ่งขึ้น ผู้บัญชาการทหารบกได้แจ้งเธอด้วยตัวเองว่า ทหารจะไม่ล็อกดาวน์ประเทศตามที่ร้องขอ แหล่งข่าวเผยว่า พล.อ.วาการ์ อุจ จามาน ผู้บัญชาการทหารบกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนมิถุนายนได้เรียกประชุมออนไลน์กับบรรดานายทหารระดับสูงแล้วตัดสินใจว่า กองทัพจะไม่เปิดฉากยิงใส่ประชาชนเพื่อบังคับใช้มาตรการห้ามออกนอกเคหสถาน หรือเคอร์ฟิว จากนั้นได้เข้าพบนางฮาซีนาที่สำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งข้อความกับเธอว่า กองทัพไม่สามารถบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศตามที่เธอต้องการได้ เป็นข้อความที่ชัดเจนว่า ทหารไม่หนุนหลังเธออีกต่อไป รอยเตอร์วิเคราะห์ว่า ข้อความดังกล่าวช่วยให้ความกระจ่างว่า เหตุใดนางฮาซีนา วัย 76 ปี ที่ปกครองประเทศมาตั้งแต่ปี 2552 โดยมีกระแสต่อต้านน้อยมาก จึงเผชิญกับความโกลาหลที่ยุติลงอย่างฉับพลันในวันที่ 5 สิงหาคม เมื่อเธอหนีออกนอกประเทศไปยังอินเดีย แหล่งข่าวเชื่อว่า ความรุนแรงของการประท้วงที่มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 241 คน น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้กองทัพตัดสินใจถอนการสนับสนุน แม้ผู้บัญชาการทหารบกไม่ได้ประกาศเหตุผลอย่างเป็นทางการก็ตาม นางฮาซีนาปกครองบังกลาเทศรวม 20 ปี ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา โดยได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 4 ในเดือนมกราคมที่ฝ่ายค้านคว่ำบาตรการเลือกตั้ง เพราะมีการจับกุมแกนนำฝ่ายค้านและแรงงาน การปกครองแบบเข้มงวดของเธอถูกท้าทายเมื่อกลุ่มนักศึกษาเป็นแกนนำการประท้วงต่อต้านการกำหนดโควต้างานราชการในเดือนกรกฎาคม แต่หลังจากศาลฎีกามีคำสั่งยกเลิกโควต้าดังกล่าว การประท้วงได้เปลี่ยนเป็นการเรียกร้องให้นางฮาซีนาลาออกแทน.-814.-สำนักข่าวไทย  

ประท้วงเดือดบังกลาเทศ ตายวันเดียวเกือบ 100 คน

ธากา 5 ส.ค.- มีผู้เสียชีวิตแล้ว 91 คน บาดเจ็บหลายร้อยคนเมื่อวันอาทิตย์ จากเหตุปะทะที่เกิดขึ้นระหว่างที่ตำรวจบังกลาเทศยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางสลายผู้ชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเชค ฮาซีนา ลาออกจากตำแหน่ง ชาวบังกลาเทศจำนวนมากออกมารวมตัวประท้วงทั่วประเทศเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีฮาซีนาลาออกจากตำแหน่ง มีผู้เสียชีวิตในวันอาทิตย์วันเดียว 91 คน บาดเจ็บอีกหลายร้อยคน จากการปะทะกันของผู้ประท้วง ตำรวจ และนักเคลื่อนไหวของพรรคสันนิบาตอวามีของนางฮาซีนา ทั้งในกรุงธากาและอีกหลายพื้นที่ของประเทศ รวมถึงเหตุผู้ประท้วงบุกโจมตีสถานีตำรวจ และทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 13 นาย ยอดผู้เสียชีวิต 91 คนในวันเดียวถือว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์การประท้วงของบังกลาเทศ แซงหน้ายอดผู้เสียชีวิต 67 คนในวันที่ 19 กรกฎาคมที่กลุ่มนักศึกษาออกมาชุมนุมตามท้องถนน เรียกร้องให้ยกเลิกการกำหนดโควต้างานราชการ รัฐบาลบังกลาเทศประกาศเคอร์ฟิวห้ามออกนอกเคหะสถานทั่วประเทศอย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่เวลา 18.00 น. วานนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ใช้มาตรการนี้นับตั้งแต่เกิดการประท้วงขึ้นในเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ยังได้ประกาศวันหยุดราชการ 3 วันตั้งแต่วันนี้จนถึงวันพุธ เหตุไม่สงบในขณะนี้ทำให้รัฐบาลบังกลาเทศต้องตัดบริการอินเทอร์เน็ตป้องกันการใช้เป็นเครื่องมือเรียกคนมารวมตัวประท้วง ถือเป็นบททดสอบใหญ่ที่สุดในนายกรัฐมนตรีฮาซีนาวัย 76 ปี ที่ชนะเลือกตั้งในปีนี้ได้ดำรงตำแหน่งวาระ 5 ปี เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันนับจากปี 2552 และเป็นสมัยที่ 4 เพราะเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2539-2544 […]

สังเวย 7 ศพประท้วงขับไล่นายกฯ บังกลาเทศ

ธากา 4 ส.ค.- มีผู้เสียชีวิตแล้ว 7 คน และบาดเจ็บหลายสิบคนในวันนี้ จากเหตุปะทะที่เกิดขึ้นระหว่างที่ตำรวจบังกลาเทศยิงแก๊สน้ำตาและขว้างระเบิดแสงสลายผู้ชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเชค ฮาซีนาลาออก การประท้วงในขณะนี้ถือว่าใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่มีการประท้วงนองเลือดเมื่อนางฮาซีนาชนะเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกันเมื่อเดือนมกราคมในการเลือกตั้งที่ฝ่ายค้านหลักคว่ำบาตรไม่เข้าร่วม รัฐบาลต้องปิดบริการอินเทอร์เน็ตหวังควบคุมการปลุกระดมคนเข้าร่วมการประท้วง โดยในวันนี้มีรายงานคนงานก่อสร้าง 2 คนเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 30 คน จากการปะทะกัน 3 ฝ่ายระหว่างผู้ประท้วง ตำรวจ และนักเคลื่อนไหวของพรรคสันนิบาตอวามีของนางฮาซีนาในพื้นที่ตอนกลางของประเทศ ขณะเดียวกันมีผู้เสียชีวิต 2 คน และได้รับบาดเจ็บ 50 คน จากการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับนักเคลื่อนไหวของพรรครัฐบาลในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ และมีผู้เสียชีวิตอีก 2 คนในพื้นที่ทางเหนือ ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฎาคม มีคนในบังกลาเทศถูกสังหารไม่ต่ำกว่า 150 คน บาดเจ็บหลายพันคน และถูกจับกุมประมาณ 10,000 คน จากเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการประท้วงนำโดยนักศึกษาที่ไม่พอใจนโยบายกำหนดโควต้าตำแหน่งงานราชการ การประท้วงซาลงเมื่อศาลฎีกามีคำสั่งยกเลิกโควต้าดังกล่าว อย่างไรก็ดี นักศึกษาได้กลับมาประท้วงประปรายเมื่อสัปดาห์ก่อน เรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตในการประท้วง.-814.-สำนักข่าวไทย

บังกลาเทศสงบหลังศาลสั่งยกเลิกโควต้างานราชการ

ธากา 22 ก.ค.- สถานการณ์ในบังกลาเทศในวันนี้เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย หลังจากศาลมีคำสั่งให้รัฐบาลยกเลิกการกำหนดโควต้าการเข้าทำงานราชการ ซึ่งเป็นชนวนเหตุของการประท้วงมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว บรรยากาศในกรุงธากาในเช้าวันนี้ทุกอย่างเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย แต่ยังคงมีทหารออกลาดตระเวนและตรวจตราดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ส่วนการประกาศเคอร์ฟิวที่เริ่มมาตั้งแต่วันเสาร์ สื่อรายงานว่า จะมีการผ่อนคลายเป็นเวลา 3 ชั่วโมงในช่วงบ่าย จากเดิม 2 ชั่วโมงเมื่อวันอาทิตย์ เพื่อให้เวลาประชาชนในการซื้อหาสิ่งของจำเป็น ศาลฎีกาบังกลาเทศมีคำสั่งเมื่อวันอาทิตย์ให้รัฐบาลยกเลิกการกำหนดโควต้าเข้ารับราชการ โดยให้ตำแหน่งงานร้อยละ 93 พิจารณารับคนเข้าทำงานตามความเหมาะสม จากเดิมที่เคยมีการกำหนดโควต้าถึงร้อยละ 56 ให้กับกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะลูกหลานของทหารผ่านศึกที่เคยร่วมรบในการเรียกร้องเอกราชจากปากีสถานที่ได้โควต้าถึงร้อยละ 30 ในขณะที่มีคนหนุ่มสาวว่างงานถึง 37 ล้านคน รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชีค ฮาซินา ยกเลิกระบบโควตาไปในปี 2561 แต่ศาลชั้นต้นสั่งให้นำระบบโควตากลับมาใช้เมื่อเดือนมิถุนายน ส่งผลให้เกิดการประท้วงอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตามกลุ่มนักศึกษาที่เคยประท้วงประกาศจะเดินหน้าต่อจนกว่าจะมีการปล่อยตัวแกนนำที่ถูกจับกุม พร้อมกับยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกเคอร์ฟิว และเปิดมหาวิทยาลัยที่ถูกสั่งปิดมาตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม โดยกำหนดเส้นตายให้ดำเนินการภายใน 48 ชั่วโมง การยกระดับการชุมนุมตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมไปแล้วอย่างน้อย 139 คนทั่วประเทศและมีผู้บาดเจ็บอีกนับพันคน.-816(814).-สำนักข่าวไทย

กรุงธากาของบังกลาเทศเสียหายจากการประท้วง

สภาพในกรุงธากาของบังกลาเทศเต็มไปด้วยซากรถยนต์จำนวนมากที่ถูกไฟเผาตามท้องถนน ขณะที่อาคารหลายแห่งก็มีร่องรอยของการถูกวางเพลิง

บังกลาเทศปิดมหาวิทยาลัยทุกแห่งอย่างไม่มีกำหนด

ธากา 17 ก.ค.- บังกลาเทศประกาศว่า จะปิดมหาวิทยาลัยทุกแห่งอย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งของรัฐและของเอกชน หลังจากการประท้วงต่อต้านระบบโควต้ารับราชการกลายเป็นเหตุรุนแรง มีผู้เสียชีวิตแล้ว 6 คน บาดเจ็บอีก 10 กว่าคน คณะกรรมาธิการเงินอุดหนุนมหาวิทยาลัยมีคำสั่งเมื่อค่ำวันอังคารให้มหาวิทยาลัยทุกแห่งปิดการเรียนการสอน และให้นักศึกษาออกจากมหาวิทยาลัยทุกแห่งโดยทันที ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ยังรวมถึงโรงเรียนมัธยมศึกษา วิทยาลัย และสถานศึกษาอื่น ๆ ด้วย นักศึกษาในบังกลาเทศประท้วงมาหลายสัปดาห์ เนื่องจากไม่พอใจระบบโควต้าที่สงวนตำแหน่งงานรับราชการไว้ร้อยละ 56 โดยแบ่งเป็นร้อยละ 30 ให้แก่ครอบครัวนักต่อสู้ในสงครามเรียกร้องเอกราชจากปากีสถานปี 2514, ร้อยละ 10 ให้แก่สตรี, ร้อยละ 10 ให้แก่ผู้มาจากเขตด้อยพัฒนา, ร้อยละ 5 ให้แก่ชุมชนคนพื้นเมือง และร้อยละ 1 ให้แก่คนพิการ ขณะที่คนหนุ่มสาวชาวบังกลาเทศเกือบ 32 ล้านคนไม่มีงานทำ หรือออกจากระบบการศึกษา จากจำนวนประชากรทั้งประเทศ 170 ล้านคน การประท้วงรุนแรงขึ้นเมื่อนายกรัฐมนตรีเชค ฮาสินาไม่ทำตามข้อเรียกร้องของผู้ประท้วง โดยอ้างเรื่องกระบวนการทางศาล และตราหน้าผู้ประท้วงด้วยคำที่บังกลาเทศเคยใช้เรียกผู้ถูกกล่าวหาว่าคบคิดกับกองทัพปากีสถานช่วงสงครามเรียกร้องเอกราช การประท้วงกลายเป็นความรุนแรงในสัปดาห์นี้ เมื่อผู้ประท้วงจำนวนมากปะทะกับสมาชิกกลุ่มนักศึกษาของพรรคสันนิบาตอวามี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ตำรวจใช้กระสุนยางและแก๊สน้ำตาสลายการประท้วงที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ […]

โรมาเนียเพิ่มโควตาล่าหมีเป็นสองเท่า

บูคาเรสต์ 16 ก.ค.- โรมาเนียเพิ่มโควตาการล่าหมีสีน้ำตาลเพิ่มเป็นสองเท่า เพื่อป้องกันหมีทำร้ายคน หลังมีผู้เสียชีวิตจากการถูกหมีทำร้ายไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในการประชุมด่วนรัฐสภาโรมาเนียเมื่อวานนี้  สมาชิกรัฐสภามีมติเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบให้เพิ่มโควตาการล่าหมีสีน้ำตาลอย่างถูกกฎหมายเป็นปีละ 481 ตัว จากเดิมที่กำหนดให้ล่าได้ปีละ 220 ตัวในปี 2566 มติดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีนักเดินเขาวัย 19 ปีถูกหมีทำร้ายจนเสียชีวิต ระหว่างการเดินเขาในเส้นทางบนเทือกเขาคาร์เพเทียนทางภาคกลาง  ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเขาที่ได้รับความนิยมอย่างมาก  ขณะที่โรมาเนียนั้นถือได้ว่าเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของประชากรหมีสีน้ำตาลแหล่งใหญ่ที่สุดในยุโรป ที่อยู่นอกเขตรัสเซีย การเพิ่มโควตาการล่าหมีเป็นการควบคุมจำนวนประชากรหมีสีน้ำตาล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์หมีทำร้ายคน นอกจากนี้แล้วหมีสีน้ำตาลยังสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนจากการที่พวกมันพากันเข้ามาอาหารกินในเมืองต่าง ๆ  ทำให้ทางการต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวไม่ให้ถูกหมีทำร้าย สื่อท้องถิ่นมักรายงานข่าวหมีทำร้ายผู้คนและปศุสัตว์ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้อยู่บ่อยครั้ง.-816(814).-สำนักข่าวไทย  

จีนเปิดด่านฮ่องกง-มาเก๊าตามปกติ 6 ก.พ.นี้

ปักกิ่ง 3 ก.พ.- จีนประกาศวันนี้ว่า การเดินทางผ่านด่านระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับฮ่องกงและมาเก๊าจะกลับมาเป็นปกติตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ เว็บไซต์สำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของจีนระบุว่า จะยกเลิกการกำหนดโควต้าจำนวนคนเดินทางผ่านด่านระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับเขตบริหารพิเศษทั้ง 2 เขตนี้ จะยกเลิกการบังคับตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 ก่อนเดินทาง จะอนุญาตให้เดินทางท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะ และจะเปิดด่านศุลกากรครบทุกแห่ง ทั้งนี้หลังจากที่จีนเปิดประเทศอีกครั้งเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 นับจากปิดประเทศเมื่อต้นปี 2563 เพราะโรคโควิดระบาด จีนยังคงกำหนดโควต้าจำนวนคนผ่านด่าน และบังคับตรวจหาเชื้อก่อนเดินทาง ส่วนเมื่อวานนี้ฮ่องกงได้ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการแจกตั๋วเครื่องบิน 500,000 ใบ หวังจูงใจให้คนกลับมาเยือนอีกครั้งหลังจากปิดพรมแดนมานานกว่า 3 ปี ฮ่องกงได้ยกเลิกมาตรการจำกัดการระบาดเกือบทั้งหมดตั้งแต่เดือนธันวาคมปีก่อน แต่ยังคงบังคับสวมหน้ากากอนามัย ยกเว้นขณะออกกำลังกาย และมีการตรวจหาเชื้อแบบเอทีเค (ATK) ทุกวันกับนักเรียน.-สำนักข่าวไทย

อินโดนีเซียยกเลิกการไปฮัจญ์ที่ซาอุดีอาระเบียปีนี้

ทางการอินโดนีเซียยกเลิกการให้คนเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่ซาอุดีอาระเบียในปีนี้ เพราะกังวลเรื่องโรคโควิด-19

“ใบสน” นักชกสาวไทยคว้าโควต้าโอลิมปิกเกม 2020

ใบสน มณีก้อน นักชกสาวไทย ชนะคะแนนนักชกจากออสเตรเลีย กลายเป็นนักกีฬาไทยคนที่ 12 อย่างเป็นทางการคว้าโควตาโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว

“อะแมนดาร์” ส่อชวดลุยโอลิมปิกเกมส์ 2020

อนาคต อะแมนดาร์ คาร์ ในการลุยโอลิมปิกเกมส์ 2020 ยังคงคลุมเครือ อีกทั้งโอกาสเก็บคะแนนสะสมเพื่อลุ้นคว้าโควตา เป็นไปได้ยากแล้ว

“รุ่งโรจน์” คว้าตั๋วปิงปองพาราลิมปิก 2020

“รุ่งโรจน์” นักเทเบิลเทนนิสคนพิการทีมชาติไทย คว้าแชมป์ประเภทชายเดี่ยว คลาส 6 รายการ “ไอทีทีเอฟ เอเชียน พารา แชมเปียนชิพ 2019” พร้อมคว้าโควตาปิงปองพาราลิมปิก 2020

1 2
...