ปากีสถานจะขอให้ตอลิบานห้ามปรามกลุ่มติดอาวุธ

อิสลามาบัด 4 ก.พ.- ปากีสถานจะขอให้ผู้นำกลุ่มตอลิบานที่ปกครองอัฟกานิสถานอยู่ในขณะนี้ ห้ามปรามกลุ่มติดอาวุธที่เคลื่อนไหวอยู่ในปากีสถาน หลังจากเกิดเหตุระเบิดมัสยิดในสำนักงานตำรวจปากีสถานเมื่อต้นสัปดาห์ เจ้าหน้าที่สอบสวนของปากีสถานระบุว่า เหตุระเบิดฆ่าตัวตายเมื่อวันจันทร์ที่มีผู้เสียชีวิต 84 คนที่มัสยิดในเมืองเปชวาร์ แคว้นไคเบอร์ปักตุนควา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถานและใกล้กับพรมแดนอัฟกานิสถาน เป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธที่โยงใยกับกลุ่มตอลิบานปากีสถาน หรือเดิมเรียกว่า กลุ่มตารีค-อี-ตอลิบานปากีสถาน หรือทีทีพี (TTP) กลุ่มนี้สืบเชื้อสายและมีอุดมการณ์เดียวกับตอลิบานอัฟกานิสถาน ผู้ช่วยพิเศษของนายกรัฐมนตรีเชห์บาซ ชารีฟของปากีสถานเผยว่า รัฐบาลจะส่งคณะผู้แทนไปอัฟกานิสถานและอิหร่าน เพื่อขอให้ทั้ง 2 ประเทศสร้างความมั่นใจว่าจะไม่ปล่อยให้กลุ่มก่อการร้ายใช้เป็นฐานเคลื่อนไหวต่อต้านปากีสถาน ตำรวจท้องถิ่นเผยว่า คณะผู้แทนปากีสถานจะเข้าพบผู้นำตอลิบานคือนายฮิบาตุลเลาะห์ อัคฮุนด์ซาดา ด้านนายอามีร์ ข่าน มุตตากี รัฐมนตรีต่างประเทศอัฟกานิสถานเตือนเมื่อวันพุธว่า ปากีสถานไม่ควรโยนความผิดให้ประเทศอื่น และควรแก้ปัญหาภายในบ้านของตัวเอง ทั้งนี้นับตั้งแต่ตอลิบานกลับมาปกครองอัฟกานิสถานในเดือนสิงหาคม 2564 ปากีสถานเกิดเหตุโจมตีบริเวณชายแดนด้านติดกับอัฟกานิสถานเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากกลุ่มติดอาวุธอาศัยพื้นที่ทุรกันดารเป็นฐานก่อเหตุและหลบซ่อนตัว ปากีสถานเคยถูกกล่าวหาว่า สนับสนุนตอลิบานอัฟกานิสถานในช่วงที่สหรัฐเข้ามาแทรกแซงการปกครองในอัฟกานิสถานนาน 20 ปี นับตั้งแต่สหรัฐนำกองกำลังบุกโค่นตอลิบาน หลังเกิดเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2544.-สำนักข่าวไทย

“แฮร์รี” ถูกวิจารณ์รอบด้านเรื่องหนังสือ Spare

ลอนดอน 7 ม.ค.- เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซ็กส์ของอังกฤษถูกวิจารณ์รอบด้าน ทั้งจากสื่อมวชน นักวิจารณ์ ทหารผ่านศึก และตอลิบาน หลังจากเนื้อหาในหนังสือบันทึกความทรงจำชื่อสแปร์ (Spare) ถูกนำมาเปิดเผย ขณะที่สำนักพระราชวังอังกฤษไม่แสดงความเห็นใด ๆ หนังสือเล่มนี้กำหนดวางแผงในวันที่ 10 มกราคม แต่ร้านหนังสือในสเปนได้วางจำหน่ายฉบับภาษาสเปนเมื่อวันที่ 5 มกราคมด้วยความเข้าใจผิด ทำให้เนื้อหาในหนังสือกลายเป็นประเด็นถกเถียงตามสื่อต่าง ๆ เช่น เรื่องที่เจ้าชายแฮร์รีอ้างว่าถูกเจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐาที่ปัจจุบันทรงเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ รัชทายาทอันดับ 1 ทำร้ายร่างกาย และเรื่องที่อ้างว่าสังหารคน 25 คนขณะไปร่วมรบในอัฟกานิสถาน เอ.เอ็น.วิลสัน นักเขียนชาวอังกฤษรุ่นลายครามวัย 72 ปี เรียกหนังสือเล่มนี้ที่เขียนโดยนักเขียนรับจ้างว่า มีการวางแผนไว้แล้ว น่ารังเกียจ เป็นผลงานที่มีเจตนาร้าย การที่เจ้าชายแฮร์รีนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะเป็นการตัดสินใจที่โง่เง่า เพราะมีแต่จะทำให้สาธารณชนเห็นใจราชวงศ์อังกฤษ ไม่ใช่พระองค์ ด้านเดอะซันที่เป็นหนังสือพิมพ์หัวสีในอังกฤษมองว่า ความเห็นใจที่ประชาชนมีให้เจ้าชายแฮร์รี่ที่สูญเสียพระมารดาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ไม่ได้สนับสนุนให้พระองค์เลือกเส้นทางที่ทำลายและผูกพยาบาทด้วยการทำร้ายครอบครัวของตัวเองแลกกับเงินก้อนใหญ่ เรื่องที่กล่าวอ้างมีความคาดเคลื่อนนับไม่ถ้วน ขอให้รับฟังคำเตือนของพระสหายที่ขอให้หยุดเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ทิม คอลลินส์ ทหารอังกฤษเกษียณราชการที่เคยรบในอิรักปี 2546 ประณามว่า เป็นแผนหาเงินที่น่าอนาถ คนที่เคยอยู่ในกองทัพจะไม่ทำเช่นนี้ เจ้าชายแฮร์รีทำตัวเป็นศัตรูกับกองทัพ ครอบครัวที่เคยต้อนรับเขา […]

เผยเจ้าชายแฮร์รี่เคยสังหารศัตรู 25 รายในอัฟกานิสถาน

ลอนดอน 6 ม.ค. – เจ้าชายแฮร์รี่ ดยุกแห่งซัสเซกส์ ทรงยอมรับว่าได้สังหารศัตรู 25 รายในระหว่างที่ปฏิบัติภารกิจทหารประจำการในอัฟกานิสถานในตำแหน่งนักบินเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่ (Apache) หนังสือพิมพ์เดลี เทเลกราฟ ของอังกฤษ รายงานอ้างคำบอกเล่าของเจ้าชายแฮร์รี่ พระชันษา 38 ปี ในหนังสือเล่มใหม่ชื่อ “สแปร์” (Spare) ที่มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 10 มกราคม พระองค์ทรงปฏิบัติ 6 ภารกิจในสมัยที่เข้าร่วมภารกิจทหารประจำการในอัฟกานิสถาน 2 ครั้งเพื่อต่อสู้กับกลุ่มตอลิบาน ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องสังหารชีวิตศัตรู 25 ราย แต่พระองค์ไม่ได้รู้สึกภูมิใจหรือละอายใจที่ต้องทำเช่นนั้น โดยมองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเหมือนการกำจัดหมากรุกของฝ่ายตรงข้ามบนกระดาน หนังสือพิมพ์เดลี เทเลกราฟ ยังรายงานว่า เจ้าชายแฮร์รี่ไม่เคยเปิดเผยเรื่องจำนวนสมาชิกกลุ่มตอลิบานที่ถูกพระองค์สังหารมาก่อน เจ้าชายแฮร์รี่ทรงเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจทหารประจำการในอัฟกานิสถาน 2 ครั้ง ครั้งแรกในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ควบคุมการโจมตีแนวหน้าทางอากาศในปี 2550-2551 และครั้งที่สองในตำแหน่งนักบินเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่ ซึ่งเป็นอากาศยานโจมตีทางอากาศ ในปี 2555-2556 ทั้งนี้ เจ้าชายแฮร์รี่ทรงเคยรับราชการทหารในกองทัพบกอังกฤษนานถึง 10 ปี โดยระบุว่า ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่พระองค์ได้เรียนรู้ถึงการเติบโตของชีวิต. -สำนักข่าวไทย

NGO ระงับโครงการในอัฟกานิสถาน หลังตอลิบานสั่งห้ามสตรีทำงาน

4 หน่วยงาน NGO ระงับโครงการด้านมนุษยธรรมในอัฟกานิสถาน หลังรัฐบาลตอลิบานสั่งห้ามจ้างลูกจ้างสตรีเข้าทำงาน

ตาลีบันห้ามสตรีทำงานกับเอ็นจีโอในอัฟกานิสถาน

กลุ่มตาลีบัน ซึ่งเป็นรัฐบาลปกครองอัฟกานิสถาน ออกคำสั่งห้ามสตรีทำงานในองค์กรนอกภาครัฐ หรือ เอ็นจีโอ ทั้งของในประเทศและต่างประเทศ หลังจากมีคำร้องเรียนเกี่ยวกับการแต่งกายที่ไม่เหมาะสม โดยมีรายงานว่า มีลูกจ้างสตรีไม่สวมผ้าคลุมศีรษะ หรือ ฮิญาบ อย่างถูกต้อง

กลุ่มตาลีบันห้ามผู้หญิงอัฟกานิสถานเรียนมหาวิทยาลัย

คาบูล 21 ธ.ค. – กลุ่มตาลีบันประกาศห้ามผู้หญิงเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศของอัฟกานิสถาน ทั้งที่เคยให้สัญญาว่าจะปรับเปลี่ยนข้อบังคับที่เข้มงวดให้น้อยลงหลังยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อปีก่อน จดหมายที่ลงนามโดยรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการของกลุ่มตอลิบาน ซึ่งส่งถึงมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนทั่วประเทศ ระบุว่า ทุกมหาวิทยาลัยต้องปฏิบัติตามคำสั่งห้ามผู้หญิงเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยในทันทีจนกว่าจะมีคำสั่งแจ้งเปลี่ยนแปลง ขณะที่โฆษกกระทรวงศึกษาธิการยืนยันกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่าประกาศดังกล่าวเป็นความจริง เอเอฟพียังรายงานว่า ก่อนหน้านี้ กลุ่มตาลีบันได้เพิ่มข้อบังคับที่จำกัดการใช้ชีวิตของสตรีในทุกด้าน โดยไม่สนใจกระแสต่อต้านจากนานาชาติ ทั้งที่กลุ่มตาลีบันเคยสัญญาว่าจะปรับเปลี่ยนข้อบังคับที่เข้มงวดให้น้อยลงหลังยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อปีก่อน ในขณะเดียวกัน นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ ระบุในแถลงการณ์ว่า กลุ่มตาลีบันไม่อาจได้รับการยอมรับให้เป็นสมาชิกของประชาคมระหว่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้จนกว่าจะรู้จักเคารพสิทธิของประชาชนทุกคนในอัฟกานิสถาน ทั้งยังระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะทำให้กลุ่มตาลีบันได้รับผลกระทบตามมาอย่างแน่นอน ด้านโฆษกของนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ หรือยูเอ็น กล่าวว่า นายกูเตอร์เรสรู้สึกวิตกกังวลอย่างมากต่อคำสั่งดังกล่าวของกลุ่มตาลีบันที่ไม่ใช่แค่การละเมิดสิทธิที่เท่าเทียมกันของผู้หญิงและเด็กเท่านั้น แต่ยังจะส่งผลกระทบรุนแรงต่ออนาคตของอัฟกานิสถานอีกด้วย ทั้งนี้ คำสั่งห้ามผู้หญิงเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยของกลุ่มตาลีบันมีขึ้นไม่ถึง 3 เดือนหลังจากที่นักเรียนหญิงจำนวนมากเพิ่งเสร็จสิ้นการสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั่วประเทศ โดยที่มีนักเรียนหญิงจำนวนมากตั้งใจที่จะเลือกเรียนด้านการสอนหนังสือและการแพทย์.-สำนักข่าวไทย

ไอเอสอ้างก่อเหตุที่โรงแรมในอัฟกานิสถาน

คาบูล 13 ธ.ค.- กลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส (IS) อ้างตัวว่า ก่อเหตุร้ายที่โรงแรมในกรุงคาบูลของอัฟกานิสถานเมื่อวันจันทร์ที่มีคนร้ายถูกสังหาร 3 คน และแขกชาวต่างชาติบาดเจ็บ 2 คนเพราะกระโดดออกจากหน้าต่างโรงแรม โรงแรมคาบูล ลองแกน ความสูง 10 ชั้น ตั้งอยู่ใจกลางกรุงคาบูล เกิดเหตุร้ายเมื่อบ่ายวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นจากอาคาร กองกำลังของรัฐบาลตอลิบานรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุและปิดถนนทุกสายที่มุ่งหน้าไปยังโรงแรม โฆษกของผู้บัญชาการตำรวจคาบูลเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นหลายชั่วโมง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสามารถจัดการสถานการณ์ได้เรียบร้อย ด้านไอเอสในจังหวัดคอราซาน ซึ่งเป็นกลุ่มระดับภูมิภาคของไอเอส และก่อเหตุมากขึ้นตั้งแต่ตอลิบานยึดอำนาจในอัฟกานิสถานสำเร็จเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 อ้างตัวผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรมในอีกหลายชั่วโมงต่อมาว่า เป็นฝีมือของสมาชิกกลุ่ม สาเหตุที่เลือกโรงแรมดังกล่าวเพราะเป็นสถานที่ที่นักการทูตมักไปใช้บริการและเป็นโรงแรมของจีนที่เป็นประเทศคอมมิวนิสต์ สมาชิกได้ปลดชนวนระเบิดในถุง 2 ใบที่ถูกนำไปไว้ในโรงแรมอยู่ก่อนแล้ว และวางเพลิงพื้นที่อีกส่วนหนึ่งของโรงแรม ไอเอสอ้างว่า มีสมาชิกลงมือเพียง 2 คน แต่ตอลิบานแจ้งว่า มีคนร้ายถูกสังหาร 3 คน โดยได้เผยแพร่ชื่อและภาพถ่ายของทั้ง 3 คน ขณะที่โรงพยาบาลในกรุงคาบูลแจ้งว่า รับตัวผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตรวม 21 คน ในจำนวนนี้เป็นศพ 3 ศพ.-สำนักข่าวไทย

ระเบิดข้างถนนในอัฟกานิสถาน ตาย 7 คน

คาบูล 6 ธ.ค. – เกิดเหตุระเบิดข้างถนนในพื้นที่ทางตอนเหนือของอัฟกานิสถานวันนี้ ทำให้พนักงานบริษัทน้ำมันที่นั่งอยู่ในรถประจำทางเสียชีวิต 7 คน และมีผู้บาดเจ็บ 6 คน สำนักงานตำรวจของนครมาซาร์-อี-ชารีฟ เมืองเอกของจังหวัดบัลข์ ทางตอนเหนือของอัฟกานิสถาน ระบุว่า เกิดเหตุระเบิดข้างถนนแห่งหนึ่งในนครมาซาร์-อี-ชารีฟ ทำให้พนักงานบริษัทน้ำมันที่นั่งอยู่ในรถประจำทางเสียชีวิต 7 คน และมีผู้บาดเจ็บ 6 คน จากการสืบสวนจุดเกิดเหตุพบว่าคนร้ายซ่อนระเบิดไว้ในรถเข็นที่จอดอยู่ข้างถนน และถูกจุดชนวนระเบิดในขณะที่รถประจำทางคันดังกล่าวแล่นผ่าน ทั้งยังระบุว่า เหตุระเบิดในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.00 น. ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 10.00 น. ของวันนี้ตามเวลาประเทศไทย ขณะนี้ ตำรวจยังไม่ทราบข้อมูลเบื้องหลังเหตุระเบิดดังกล่าวมากนัก และยังไม่มีฝ่ายใดออกมากล่าวอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุ สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า แม้กลุ่มตอลิบานอ้างว่าได้พยายามทำให้อัฟกานิสถานมีความปลอดภัยมากขึ้นทั่วประเทศนับตั้งแต่ขึ้นปกครองอัฟกานิสถานในเดือนสิงหาคมปีก่อน แต่ในช่วงที่ผ่านมาก็เกิดเหตุระเบิดและโจมตีขึ้นหลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฝีมือของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส ก่อนหน้านี้ เมืองไอบัก ทางตอนใต้ของนครมาซาร์-อี-ชารีฟ เพิ่งเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่โรงเรียนสอนศาสนาอิสลามแห่งหนึ่ง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 คน และผู้บาดเจ็บ 24 คนเมื่อช่วงต้นเดือนนี้.-สำนักข่าวไทย

ไอเอสอ้างยิงที่สถานทูตปากีสถานในอัฟกานิสถาน

กลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส (IS) อ้างว่า ก่อเหตุยิงที่สถานทูตปากีสถานในอัฟกานิสถาน ทำให้เจ้าหน้าที่อารักขาบาดเจ็บ 1 นาย ขณะที่เอกอัครราชทูตปากีสถานปลอดภัย

เหตุระเบิดที่สถาบันการศึกษาในอัฟกานิสถาน ตาย 19 คน

คาบูล 30 ก.ย. – เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในกรุงคาบูล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 19 คน และผู้บาดเจ็บ 27 คน โดยที่ยังไม่มีฝ่ายใดออกมาอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าว โฆษกสำนักงานตำรวจของกรุงคาบูลในอัฟกานิสถานเผยวันนี้ว่า เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในเมืองหลวงของอัฟกานิสถาน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 19 คน และผู้บาดเจ็บ 27 คน เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่นักเรียนกำลังทำข้อสอบคัดเลือกเข้าสถาบันอุดมศึกษา โดยที่ไม่มีการเรียนการสอนในวันนี้ เนื่องจากโรงเรียนและสถาบันการศึกษาในอัฟกานิสถานปิดการเรียนการสอนทุกวันศุกร์ โฆษกคนดังกล่าวยังระบุว่า การมุ่งเป้าโจมตีพลเรือนสะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายทารุณและไร้ซึ่งศีลธรรมของผู้ก่อเหตุ แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าใครเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีในครั้งนี้ ในขณะเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นในย่านชุมชนทางตะวันตกของกรุงคาบูล ซึ่งเป็นพื้นที่อาศัยของชาวแฮซอเร กลุ่มชาติพันธุ์ที่พูดภาษาเปอร์เซียในอัฟกานิสถาน และมักตกเป็นเป้าโจมตีจากกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส อยู่หลายครั้ง ก่อนหน้านี้ กลุ่มตาลีบันได้เน้นย้ำถึงความพยายามในการป้องกันความมั่นคงของประเทศมาโดยตลอด นับตั้งแต่ยึดอำนาจการปกครองในเดือนสิงหาคมปีก่อน อย่างไรก็ดี อัฟกานิสถานกลับเกิดเหตุระเบิดขึ้นหลายครั้งที่มัสยิดและเขตชุมชนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา. -สำนักข่าวไทย

1 2 3 4 5 6 34
...