ทอร์นาโดพัดถล่มรัฐลุยเซียนาของสหรัฐ ตายแล้ว 1 ราย

ลุยเซียนา 23 มี.ค. – เกิดเหตุพายุทอร์นาโดขนาดใหญ่พัดถล่มเมืองนิวออร์ลีนส์ในรัฐลุยเซียนาของสหรัฐ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย บ้านเรือนหลายหลังพังยับเยิน และไฟฟ้าถูกตัดขาด บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี เผยแพร่คลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นทอร์นาโดรูปทรงกรวยสีดำมืดพัดถล่มย่านชุมชนของเมืองนิวออร์ลีนส์เมื่อคืนวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น จนทำให้หลังคาบ้านปลิวว่อนและรถยนต์พลิกคว่ำ โดยพื้นที่แห่งนี้เคยถูกเฮอริแคทรีนาพัดถล่มในปี 2548 ขณะที่เจ้าหน้าที่เขตเซนต์เบอร์นาร์ดตะวันออกของเมืองนิวออร์ลีนส์เผยว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งค้นหาผู้คนที่อาจติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังของบ้านเรือน หลังพบผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน นายเจมส์ โพลแมนน์ เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของเมืองนิวออร์ลีนส์เผยกับหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ว่า มีบ้านเรือนหลายหลังถูกทอร์นาโดพัดสูญหาย และมีหลังหนึ่งที่ถูกพัดไปตกอยู่กลางถนนโดยที่มีคนติดอยู่ในบ้านด้วย ชาวบ้านในชุมชนที่ประสบภัยธรรมชาติครั้งนี้กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า เขาเห็นเสาไฟฟ้าหักโค่น โบสถ์พังถล่ม ร้านค้า 3 แห่งได้รับความเสียหาย และมีบ้านเรือน 8 หลังที่หลังคาถูกพัดปลิวหายไปหลังเกิดทอร์นาโด ด้านนายจอห์น เบล ผู้ว่าการรัฐลุยเซียนา ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า ทางการท้องถิ่นกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้น และขอให้ประชาชนในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐลุยเซียนาปลอดภัย ทั้งนี้ ทอร์นาโดดังกล่าวได้ก่อตัวขึ้นจากพายุที่พัดผ่านพื้นที่ทางตอนใต้ของสหรัฐเมื่อวันอังคาร จนทำให้เกิดฝนตกหนักและลมแรงในหลายพื้นที่ของรัฐลุยเซียนา มิสซิสซิปปี และแอละแบมา. -สำนักข่าวไทย

สหรัฐช่วยหาสาเหตุเครื่องบินจีนตก ตายยกลำ 132 ชีวิต

วอชิงตัน 23 มี.ค.- สื่อสหรัฐรายงานว่า สหรัฐกำลังตรวจสอบความเป็นไปได้ทุกอย่างที่ทำให้เครื่องบินสายการบินไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์ของจีนดิ่งโหม่งโลกเมื่อวันจันทร์ ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือรวม 132 คนเสียชีวิตทั้งลำ เว็บไซต์เอบีซีนิวส์ของสหรัฐรายงานอ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐว่า หน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐยังไม่มีทฤษฎีที่ชัดเจนว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตก ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่กำลังตรวจสอบข้อมูลดาวเทียมและเรดาร์ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ทุกอย่าง รวมถึงการตกโดยเจตนา เอบีซีนิวส์รายงานว่า ผู้โดยสาร 123 คน ลูกเรือ 9 คนบนเที่ยวบิน 5735 ไม่มีใครรอดชีวิต เมื่อเครื่องบินตกบนภูเขาในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ทางตอนใต้ของจีน ข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่า เครื่องบินโบอิง 737-800 ดิ่งจากระดับความสูง 29,000 ฟุตลงไปที่ 8,000 ฟุต ก่อนรักษาระดับได้ชั่วขณะ แล้วดิ่งร่วงลงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งโหม่งโลก เกิดระเบิดไฟลุกท่วมขนาดใหญ่ดังที่เห็นในภาพที่มีผู้บันทึกได้ ทีมกู้ภัยยังไม่พบเบาะแสในบริเวณที่เกิดเหตุ ยังไม่พบกล่องดำบันทึกข้อมูลการบินและกล่องดำบันทึกเสียงในห้องนักบิน เอบีซีนิวส์รายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่จีนเผยเมื่อวันอังคารว่า ลูกเรือบนเครื่องบินไม่ตอบศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศที่สังเกตเห็นเครื่องบินดิ่งลงอย่างรวดเร็วขณะเดินทางจากเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ ไปเมืองกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ ขณะที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีนได้ขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ รวมทั้งสหรัฐให้ช่วยหาสาเหตุที่เครื่องบินตก ขณะนี้ไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์ได้จอดโบอิง 737-800 ทุกลำแล้วเพื่อความปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐประณามรัสเซียไม่ตัดเรื่องจะใช้อาวุธนิวเคลียร์

วอชิงตัน 23 มี.ค.- กระทรวงกลาโหมสหรัฐประณามโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียที่ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้เรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการทำสงครามกับยูเครน นายจอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐกล่าวว่า คำกล่าวของนายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียเป็นเรื่องอันตราย จากการให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็น (CNN) ว่า รัสเซียอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์ หากเผชิญกับภัยคุกคามที่มีอยู่จริง ปัจจุบันรัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก นายเคอร์บีระบุว่า มหาอำนาจนิวเคลียร์ที่มีความรับผิดชอบไม่ควรทำเช่นนั้น อย่างไรก็ดี กระทรวงกลาโหมสหรัฐยังไม่เห็นความเคลื่อนไหวใด ๆ ที่ทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงจุดยืนทางยุทธศาสตร์ในขณะนี้ และกำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่ทุกวัน ด้านนายลีออน พาเน็ตตา อดีตรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐวิจารณ์เช่นกันว่า เป็นเรื่องเป็นอันตรายที่รัสเซียกำลังมองหาข้ออ้างเพื่อใช้อาวุธนิวเคลียร์ที่มีอำนาจการทำลายต่ำ การตั้งสมมติฐานอย่างผิด ๆ ว่ารัสเซียกำลังถูกคุกคาม สร้างความกังวลว่า อย่างน้อยรัสเซียก็กำลังคิดเรื่องใช้อาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ดี เขาเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น เพราะประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียจะต้องคิดดีให้ว่าสหรัฐจะตอบโต้อย่างไร และเขาจะรอดพ้นไปได้อย่างไร ผู้นำรัสเซียสั่งกองกำลังนิวเคลียร์เตรียมพร้อมเป็นพิเศษเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ หลังจากสั่งใช้ “ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ” กับยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ แต่เจ้าหน้าที่ตะวันตกกล่าวหลังจากนั้นว่า ยังไม่มีเห็นสัญญาณพิเศษใด ๆ ว่า รัสเซียกำลังระดมฝูงบินทิ้งระเบิด ขีปนาวุธ และเรือดำน้ำเพื่อทำการรบ.-สำนักข่าวไทย

“ไบเดน” ว่าอินเดียไม่มั่นคงเรื่องรัสเซียบุกยูเครน

นิวเดลี 22 มี.ค.-ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ระบุว่า ในบรรดาประเทศสมาชิกในกรอบความร่วมมือด้านความมั่นคง 4 ฝ่าย หรือควอด (Quad) ซึ่งประกอบด้วยสหรัฐ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอินเดีย มีเพียงอินเดียเท่านั้นที่มีท่าทีไม่มั่นคงต่อการบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย ในขณะที่อินเดียยังคงเดินหน้ารักษาความสัมพันธ์กับรัสเซียและชาติตะวันตกไปพร้อม ๆ กัน ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวในงานเสวนาโต๊ะกลมธุรกิจ (Business Roundtable) เมื่อวันจันทร์ตามเวลาในสหรัฐว่า กลุ่มควอดได้ใช้มาตรการตามแนวทางที่เป็นหนึ่งเดียวกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต และประเทศในภูมิภาคแปซิฟิก เพื่อตอบโต้ท่าทีแข็งกร้าวของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ในการสั่งเปิดฉากบุกโจมตียูเครน สมาชิกของกลุ่มควอด เช่น ญี่ปุ่นและออสเตรเลียได้ประกาศใช้มาตรการรุนแรงเพื่อตอบโต้รัสเซีย แต่มีเพียงอินเดียเท่านั้นที่มีท่าทีไม่มั่นคงต่อการบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย ทั้งนี้ อินเดียยังคงไม่ได้ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรหรือออกแถลงการณ์ตำหนิรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้จัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์รายใหญ่ให้แก่อินเดีย ในขณะเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศของอินเดียแถลงภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดผู้นำแบบเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ระหว่างนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย กับนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย เมื่อวันจันทร์ว่า ออสเตรเลียเข้าใจจุดยืนเรื่องยูเครนของอินเดียที่สะท้อนถึงสถานการณ์และความคิดของอินเดีย ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า อินเดียได้เรียกร้องให้รัสเซียยุติการใช้ความรุนแรงในยูเครน แต่กลับงดออกเสียงในการลงมติประณามรัสเซียที่บุกโจมตียูเครน แม้อินเดียจะเดินหน้าสานสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับสหรัฐในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังจำเป็นต้องพึ่งพารัสเซียในการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ ในขณะที่อินเดียต้องเผชิญกับข้อพิพาทกับจีนที่พรมแดนเทือกเขาหิมาลัย รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดกับปากีสถาน. -สำนักข่าวไทย

โรฮิงญาในบังกลาเทศดีใจสหรัฐชี้ขาดเมียนมาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ธากา 22 มี.ค. – ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาในบังกลาเทศแสดงความยินดีที่รัฐบาลสหรัฐประกาศว่า การที่รัฐบาลทหารเมียนมาใช้ความรุนแรงกดขี่ชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญาถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชายชาวโรฮิงญาวัย 60 ปี ที่ลี้ภัยอยู่ในค่ายแห่งหนึ่งในเขตค็อกบาซาร์ของบังกลาเทศเผยว่า ดีใจมากที่นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐประกาศขณะกล่าวสุนทรพจน์ที่พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สหรัฐในกรุงวอชิงตันเมื่อวันจันทร์ว่า การปราบปรามของเมียนมาถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยอ้างตามคำให้การที่มีการยืนยันเรื่องกองทัพเมียนมากระทำความโหดร้ายกับพลเรือนอย่างกว้างขวางและเป็นระบบต่อชาวโรฮิงญา ชายคนนี้กล่าวว่า รัฐบาลเมียนมาทรมานชาวโรฮิงญาและชุมชนต่าง ๆ มานาน 60 ปีแล้วเริ่มตั้งแต่ปี 2505 เขาเชื่อว่าการประกาศของสหรัฐเปิดทางให้ประชาคมโลกสามารถดำเนินการกับเมียนมาได้ ด้านศูนย์เพื่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ศึกษา มหาวิทยาลัยธากาในบังกลาเทศมองว่า การประกาศของสหรัฐถือเป็นก้าวเชิงบวก แต่จำเป็นต้องดูต่อไปว่า จะมีก้าวที่เป็นรูปธรรมติดตามมาหรือไม่ ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าการประกาศของสหรัฐจะทำให้ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาได้รับการรับรองสถานภาพพลเมืองในเมียนมา คำถามพื้นฐานคือผู้ลี้ภัยที่อยู่ตามค่ายต่าง ๆ ในเขตค็อกบาซาร์ราว 1 ล้านคนจะได้กลับเมียนมาอย่างไรและเมื่อใด ทางศูนย์คาดว่า สหรัฐอาจใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงต่อเมียนมาเป็นมาตรการขั้นถัดไป และต้องรอดูว่าสหรัฐจะสนับสนุนกระบวนการของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกในกรุงเฮกที่กำลังไต่สวนเมียนมาในคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญาตามที่แกมเบียยื่นฟ้องหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

“ไบเดน” อ้างรัสเซียกำลังชั่งใจใช้อาวุธชีวภาพโจมตียูเครน

เคียฟ 22 มี.ค. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ อ้างว่า รัสเซียกำลังพิจารณาใช้อาวุธชีวภาพและเคมีเพื่อโจมตียูเครน ขณะที่กองทัพยูเครนแจ้งให้ประชาชนเตรียมรับมือกับการโจมตีอย่างหนักหน่วงของรัสเซียในวันนี้ ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานที่งานเสวนาโต๊ะกลมธุรกิจ (Business Roundtable) ว่า การที่รัสเซียกล่าวหายูเครนแบบผิด ๆ ว่ายูเครนครอบครองอาวุธชีวภาพและเคมีสะท้อนให้เห็นว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ก็กำลังพิจารณาใช้อาวุธดังกล่าวเหมือนกัน ทั้งยังระบุว่า ขณะนี้ผู้นำรัสเซียกำลังตกอยู่ในสภาพหลังชนฝาจนถึงขั้นใส่ร้ายว่าสหรัฐมีอาวุธชีวภาพและเคมีในทวีปยุโรป ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่จริง นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐยังกล่าวเตือนภาคธุรกิจให้ระวังการโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย ซึ่งเป็นวิธีการที่รัสเซียมักใช้อยู่บ่อยครั้ง ในขณะเดียวกัน กองทัพยูเครนระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า กองทัพรัสเซียกำลังตั้งเป้าวางแผนโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของยูเครนอย่างต่อเนื่องด้วยอาวุธที่แม่นยำและมีอานุภาพทำลายล้างสูง สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เมืองมารีอูปอล ซึ่งเป็นท่าเรือสำคัญทางตอนใต้ของยูเครน กลายเป็นเมืองที่ถูกรัสเซียโจมตีอย่างหนักหน่วงจนทำให้อาคารหลายแห่งกลายเป็นซากปรักหักพังและมีพลเรือนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ขณะที่เมืองคาร์คิฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ถูกโจมตีอย่างหนักเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ กองทัพรัสเซียยังไม่สามารถยึดเมืองสำคัญของยูเครนได้แม้แต่เมืองเดียวหลังบุกโจมตียูเครนมายาวนานกว่า 4 สัปดาห์ด้วยการโจมตีทางอากาศ การยิงขีปนาวุธพิสัยไกล และปืนใหญ่. -สำนักข่าวไทย

รัฐบาลไบเดนชี้ขาดเมียนมา “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” โรฮิงญา

วอชิงตัน 21 มี.ค.- รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐชี้ขาดอย่างเป็นทางการว่า การที่รัฐบาลทหารเมียนมาใช้ความรุนแรงกับชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญาถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ รอยเตอร์อ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐที่ขอสงวนนามว่า นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐจะประกาศการตัดสินใจในวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐที่พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สหรัฐในกรุงวอชิงตัน ซึ่งกำลังจัดแสดงนิทรรศการว่าด้วยสถานการณ์เลวร้ายของชาวโรฮิงญา นายบลิงเคนให้คำมั่นขณะรับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม 2564 ว่าจะทบทวนความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮิงญาในเมียนมา หลังจากนายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศคนก่อนหน้าเขาไม่ตัดสินใจในเรื่องนี้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐและบริษัทกฎหมายแห่งหนึ่งรวบรวมหลักฐานนำเสนอให้รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในเวลานั้นเร่งยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องร้ายแรง เจ้าหน้าที่สหรัฐเผยว่า นายบลิงเคนได้สั่งการให้วิเคราะห์เชิงกฎหมายและข้อเท็จจริง ผลการวิเคราะห์สรุปว่า กองทัพเมียนมากำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และรัฐบาลสหรัฐเชื่อว่าการชี้ขาดอย่างเป็นทางการจะเพิ่มแรงกดดันของนานาชาติในการทำให้รัฐบาลทหารเมียนมาต้องรับโทษและทำผิดได้ยากขึ้น คณะทำงานค้นหาความจริงของสหประชาชาติสรุปในปี 2561 ว่า ปฏิบัติการทางทหารในปี 2560 ที่รัฐบาลทหารเมียนมาอ้างว่าเป็นการปราบปรามกลุ่มก่อการร้าย มีการกระทำที่เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (genocidal acts) แต่รัฐบาลสหรัฐในเวลานั้นระบุว่า เป็นการกวาดล้างชาติพันธุ์ (ethnic cleansing) ซึ่งไม่มีคำนิยามทางกฎหมายในกฎหมายอาญาระหว่างประเทศ ทั้งนี้นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา สหรัฐใช้คำว่า “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” อย่างเป็นทางการเพียง 6 ครั้งกับเหตุสังหารหมู่ในบอสเนีย, รวันดา, อิรักและดาร์ฟูร์, เหตุกลุ่มรัฐอิสลามปองร้ายชาวยาซิดีและชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ และการที่จีนปฏิบัติไม่ดีต่อชาวอุยกูร์และชาวมุสลิม.-สำนักข่าวไทย

จีนว่ายืนอยู่ฝั่งถูกต้องของประวัติศาสตร์กรณียูเครน

นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนกล่าวว่า จีนยืนอยู่ในฝั่งที่ถูกต้องของประวัติศาสตร์กรณีวิกฤติการณ์ยูเครน และเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เรื่องนี้และจุดยืนของจีนก็เป็นไปตามแนวทางที่เป็นความต้องการของประเทศส่วนใหญ่ในโลกนี้

วิเคราะห์เหตุสหรัฐรับผู้ลี้ภัยยูเครนไม่ถึง 700 คน

วอชิงตัน 19 มี.ค.- ซีเอ็นเอ็น (CNN) วิเคราะห์หาสาเหตุที่สหรัฐรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนเพียง 690 คน ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อนจนถึงขณะนี้ ทั้งที่มีคนอพยพออกจากยูเครนแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคน ตั้งแต่รัสเซียเริ่มบุกยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ซาชารี บี วูลฟ์ นักเขียนอาวุโสของซีเอ็นเอ็นระบุว่า ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนเกือบ 2 ล้านคนเดินทางไปยังโปแลนด์ที่มีพรมแดนติดกันทางตะวันตก ขณะที่สหรัฐรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนเพียง 690 คนตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน แสดงว่าแทบไม่มีผู้ลี้ภัยไปสหรัฐเลยตั้งแต่รัสเซียรุกราน ปัญหาเกิดจากระเบียบขั้นตอนยุ่งยากและระบบคนเข้าเมืองของสหรัฐที่มีปัญหา ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 1 มีนาคมว่า ยินดีต้อนรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครน แต่จนถึงขณะนี้ครอบครัวชาวอเมริกันยังไม่สามารถรับอุปการะชาวยูเครนได้ แหล่งข่าวหลายแห่งเผยว่า รัฐบาลกำลังหารือวิธีช่วยให้ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนได้พักอาศัยกับครอบครัวที่มีถิ่นฐานอยู่ในสหรัฐอยู่แล้ว ประธานาธิบดีอันด์เซ ดูดา ของโปแลนด์ได้ร้องขอเป็นการส่วนตัวกับรองประธานาธิบดีคามาลา เดวี แฮร์ริสของสหรัฐที่ไปเยือนสัปดาห์ที่แล้ว ให้เร่งกระบวนการดังกล่าวและลดความซับซ้อนลง วูลฟ์อธิบายว่า กระบวนการขอเป็นผู้ลี้ภัยในสหรัฐใช้เวลายาวนานหลายปีในการดำเนินการและคัดกรอง ประธานาธิบดีไบเดนได้เพิ่มเพดานรับผู้ลี้ภัยจาก 15,000 คนในสมัยรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ เป็น 62,500 คนในเดือนพฤษภาคม 2564 และเพิ่มล่าสุดเป็น 125,000 คน แต่ยังคงต่ำมากเมื่อเทียบกับช่วงคริสต์ทศวรรษหลังปี […]

สหรัฐไม่พอใจอินเดียเพิ่มนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย

สหรัฐแสดงความไม่พอใจกรณีอินเดียประกาศจะซื้อน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาความต้องการพลังงาน จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังวิกฤติโควิด-19

อินเดียแจงเรื่องนำเข้าน้ำมันรัสเซีย

นิวเดลี 19 มี.ค.- เจ้าหน้าที่อินเดียชี้แจงเรื่องนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศว่า อินเดียจะนำเข้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ในปีนี้ หลังจากถูกวิจารณ์เรื่องนำเข้าจากรัสเซียที่ถูกหลายประเทศคว่ำบาตรเพราะรุกรานยูเครน เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียที่ขอสงวนนามชี้แจงกับรอยเตอร์ว่า อินเดียนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลางมากที่สุด ประกอบด้วยอิรักร้อยละ 23 ซาอุดีอาระเบียร้อยละ 18 และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ร้อยละ 11 ส่วนสหรัฐนั้น อินเดียนำเข้ามากเป็นอันดับ 4 โดยในปีนี้จะนำเข้าเพิ่มอีกร้อยละ 11 เป็นร้อยละ 8 ขณะที่รัสเซียครองส่วนแบ่งน้อยในตลาดน้ำมันอินเดีย แต่หลังจากรุกรานยูเครน รัสเซียได้เสนอขายน้ำมันแบบมีส่วนลดเพื่อลดผลกระทบจากการถูกคว่ำบาตร อินเดียนออยล์คอร์ปที่เป็นโรงกลั่นอันดับหนึ่งของอินเดียเพิ่งสั่งซื้อน้ำมันจากรัสเซีย 3 ล้านบาร์เรลผ่านการประมูล และฮินดูสถานปิโตรเลียมคอร์ปสั่งจอง 2 ล้านบาร์เรลให้ส่งมอบเดือนพฤษภาคม เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียอีกคนกล่าวว่า อินเดียพร้อมรับข้อเสนอที่มีการแข่งขันจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ราคาน้ำมันโลกทะยานขึ้น จนทำให้อัตราเงินเฟ้ออินเดียสูงขึ้น ฐานะการคลังตึงตัว และกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เจ้าหน้าที่อินเดียกล่าวด้วยว่า แม้แต่ยุโรปเองก็ยังนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียอยู่ มาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย และไม่ตัดธนาคารรัสเซียที่ทำธุรรรมด้านนี้ออกจากสมาคมโทรเลขทางการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลกหรือสวิฟต์ (SWIFT) ดังนั้นการทำธุรกรรมด้านพลังงานที่ชอบด้วยกฎหมายจึงไม่ควรถูกนำมาเป็นเรื่องทางการเมือง.-สำนักข่าวไทย

1 130 131 132 133 134 569
...