
ผู้นำสหรัฐประกาศขึ้นภาษีสินค้าจาก 185 ประเทศรวมประเทศไทย
ผู้นำสหรัฐประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจาก 185 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในอาเซียน
ผู้นำสหรัฐประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจาก 185 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในอาเซียน
ชาวอเมริกันราว 200 คนฝ่าความหนาวเย็นออกมาชุมนุมกันที่เมืองบัฟฟาโล ในรัฐนิวยอร์กใกล้กับชายแดนาดาเพื่อให้กำลังใจและแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับชาวแคนาดา
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น โดยจะเก็บภาษียานยนต์ต่างประเทศทั้งหมดร้อยละ 25 ที่เหลือโดนหมดถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย
วอชิงตัน 27 มี.ค.- ทันทีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐประกาศเมื่อวานนี้ว่า จะขึ้นภาษีอีกร้อยละ 25 กับรถทุกคันที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐ สร้างความสั่นสะเทือนให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ในหลายประเทศ แม้ว่านายทรัมป์ยังไม่ได้แจกแจงในรายละเอียดก็ตาม รอยเตอร์รวบรวมข้อมูลของแผนการขึ้นภาษีดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลทรัมป์ยังอยู่ระหว่างเตรียมการเปิดเผยต่อสาธารณะได้ตามรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้ 1. ขึ้นภาษีร้อยละ 25 กับรถทุกคันที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐ : นายทรัมป์จะขึ้นภาษีอีกร้อยละ 25 กับรถประกอบเสร็จ จากอัตราภาษีที่มีอยู่เดิม เริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น.วันที่ 3 เมษายน ตามเขตเวลาตะวันออก ตรงกับเวลา 11.01 น.วันเดียวกันตามเวลาไทย ปัจุบันฐานภาษีศุลกากรของสหรัฐสำหรับรถนำเข้าอยู่ที่ร้อยละ 2.5 มาตรการขึ้นภาษีนี้จะมีผลกับรถยนต์และรถบรรทุกที่ผลิตในประเทศที่มีข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับสหรัฐอย่างแคนาดา เม็กซิโก เกาหลีใต้ ขณะที่ญี่ปุ่น เยอรมนี อิตาลี และอังกฤษก็จะถูกกระทบหนักเช่นเดียวกัน 2. ชะลอการขึ้นภาษีร้อยละ 25 กับชิ้นส่วนรถหรืออะไหล่ : นายทรัมป์จะขึ้นภาษีกับอะไหล่ที่เขาเคยระบุไว้ในคำประกาศว่า เป็นเครื่องยนต์และอะไหล่เครื่องยนต์, อะไหล่เกียร์และระบบส่งกำลัง และอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยอาจจะชะลอการขึ้นภาษีออกไปสูงสุด 1 เดือน แต่ไม่เกินวันที่ 3 พฤษภาคม 3. […]
นายกรัฐมนตรีชิเงรู อิชิบะ ของญี่ปุ่นกล่าววันนี้ว่า รัฐบาลจะพิจารณาแนวทางทุกทางเลือกในการรับมือกับการประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศของสหรัฐ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กล่าววันพุธว่า เขามีความตั้งใจที่จะลดภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีน เพื่อให้บรรลุข้อตกลงกับไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ในประเทศจีนของติ๊กต็อก ในการขายกิจการ
วอชิงตัน 27 มี.ค.- หลังจากประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าหลายอย่างตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม ล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้าสหรัฐแล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งหาเสียงไว้ว่า จะฟื้นฟูอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐประกาศเมื่อวานนี้ว่า จะเก็บภาษี 25% กับรถทุกคันที่ไม่ใด้ผลิตในสหรัฐ โดยเริ่มจากอัตราฐานที่ 2.5% ซึ่งเป็นอัตราปัจจุบันไปจนถึงอัตราสูงสุด 25% ภาษีใหม่นี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่สหรัฐจะเริ่มเก็บภาษีตอบโต้กับประเทศที่เกินดุลการค้าสหรัฐจำนวนมาก และจะเริ่มเก็บในวันถัดไป เขายังได้พูดถึงมาตรการภาษีตอบโต้ว่า อาจจะ “ปรานี” จากที่ประกาศไว้ ประกาศใหม่ของนายทรัมป์ทำให้แวดวงยานยนต์สั่นสะเทือนไปทั่วโลก เพราะรถเกือบครึ่งหนึ่งที่ขายในสหรัฐเมื่อปีที่แล้วเป็นรถนำเข้าทั้งหมด ส่วนใหญ่นำเข้าจากแคนาดา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เยอรมนี และแคนาดา ซึ่งล้วนแต่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐ โดยเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมาสหรัฐนำเข้ายานยนต์มูลค่า 474,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 16 ล้านล้านบาท) ในจำนวนนี้ 220,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.46 ล้านล้านบาท) เป็นรถยนต์นั่ง นายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ของแคนาดาแถลงข่าวทันทีว่า ประกาศของผู้นำสหรัฐเป็นการโจมตีแคนาดาโดยตรง เขาจะประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้เพื่อหารือมาตรการตอบโต้ ด้านโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นแถลงว่า […]
ออตตาวา 25 มี.ค. – นายมาร์ค คาร์นีย์ ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา ประกาศจัดเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนดในวันที่ 28 เมษายนนี้ เพื่อขออาณัติจากประชาชนรับมือมาตรการทางภาษีและภัยคุกคามด้านอธิปไตย จากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ จากนักการเงินสู่นักการเมือง นายคาร์นี วัย 60 ปี เป็นอดีตผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดาปี 2551-2556 และอดีตผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษปี 2556-2563 ถือเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษคนแรกที่ไม่ใช่คนอังกฤษ เขาไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองหรือการหาเสียงเลือกตั้งมาก่อน แต่ได้ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเสรีนิยม ที่เป็นพรรครัฐบาลแคนาดา และสาบานตนเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่เมื่อวันที่ 14 มีนาคม หลังจากรัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มข่มขู่คุกคามแคนาดาทั้งการใช้มาตรการทางภาษี และประกาศเจตจำนงต้องการให้แคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐ สอดคล้องกับช่วงเวลาที่นายจัสติน ทรูโด กำลังเผชิญแรงเสียดทานทางการเมืองภายในประเทศ ต้องยอมลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรครัฐบาล และก้าวลงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในที่สุด แต่เมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา นายคาร์นีย์ประกาศยุบสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนด ที่จะมีขึ้นอย่างรวดเร็วในวันที่ 28 เมษายนนี้ หรืออีกเพียง 5 สัปดาห์ จากกำหนดเลือกตั้งเดิม […]
นายกฯ บอกฝ่ายค้านยื่นสอบปมภาษีได้เลย ยันทำตามกฎเกณฑ์ทุกอย่าง งง! ยกเรื่องรัฐบาลอื่นมาใส่ “แพทองธาร” ชี้ “ทักษิณ” มอนิเตอร์เหมือนชาวบ้านท่านหนึ่ง เมินโซเชียลบอกเสียคะแนนให้ “บิ๊กป้อม”
“วิโรจน์” ลุกสวน นายกฯ ทันควัน เสียภาษีมากน้อยไม่ได้สำคัญ เหน็บคนเสียภาษีมาก แต่หาเทคนิคหลบเลี่ยงต่างหากที่น่ารังเกียจ ด้าน “จุลพันธ์” ประท้วงประธานควบคุมด้วย หวั่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจกลายเป็นกระทู้
นายกฯ ยันไม่เคยหนีภาษี มั่นใจเสียภาษีมากกว่าคนอภิปราย ย้ำทรัพย์สินของตนเองและครอบครัว ถูกตรวจสอบเข้มข้นตั้งแต่สมัยหลังปฏิวัติ 19 ก.ย.49 ส่วนที่ดินอัลไพน์ ซื้อขายถูกกฎหมาย ตั้งแต่ตอนที่ตนอายุ 11 ขวบ บอกไม่แทรกแซงปมเขากระโดง ให้ความเป็นธรรม
ฮานอย 14 มี.ค.- นายกรัฐมนตรีฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ ของเวียดนามแจ้งกับเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเวียดนามว่า เวียดนามกำลังพิจารณาทบทวนภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากสหรัฐ เพื่อส่งเสริมการนำเข้าสินค้าที่เวียดนามต้องการ เว็บท่าของรัฐบาลเวียดนามรายงานว่า นายกรัฐมนตรีฝ่ามได้กล่าวระหว่างพบกับนายมาร์ก แนปเปอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเวียดนามเมื่อวานนี้ว่า กระทรวง หน่วยงาน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งพิจารณาทบทวนภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ เพื่อส่งเสริมการเพิ่มการนำเข้าสินค้าสำคัญของสหรัฐที่เวียดนามต้องการ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจี (LGN) และสินค้าไฮเทค ขณะเดียวกันนายเหวียน ห่ง เดียน รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามได้แจ้งเนื้อหาลักษณะเดียวกันนี้กับนายเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐระหว่างการเยือนกรุงวอชิงตันอยู่ในขณะนี้ เว็บไซต์กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามเผยแพร่แถลงการณ์ในวันนี้ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือหนทางที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ทางธุรกิจผ่านการทบทวนและพิจารณาอย่างแข็งขันเรื่องขจัดอุปสรรคทางการค้า เจ้าหน้าที่เวียดนามย้ำมาโดยตลอดว่า พร้อมทำตามข้อเรียกร้องของสหรัฐเรื่องลดดุลการค้าที่ไม่สมดุลและอำนวยความสะดวกให้แก่ธุรกิจของสหรัฐในเวียดนาม รวมถึงการรับปากจะเร่งกระบวนการออกใบอนุญาตให้แก่การให้บริการสตาร์ลิงก์ของนายอีลอน มัสก์ เวียดนามซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตด้านอุตสาหกรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐอย่างมาก โดยครองสัดส่วนเกือบ 1 ใน 3 ของผลผลิตทางเศรษฐกิจ และได้ดุลการค้าสหรัฐมากถึง 123,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4 ล้านล้านบาท) ในปี 2567.-814.-สำนักข่าวไทย