
น้ำท่วมอีกระลอกทางภาคใต้ของเม็กซิโก
พื้นที่ชายฝั่งทางภาคใต้ของเม็กซิโกต้องเจอกับสถานการณ์น้ำท่วมอีกระลอกก่อนที่พายุดีเปรสชั่นอีเลฟเวน-อีจะพัดขึ้นฝั่ง
พื้นที่ชายฝั่งทางภาคใต้ของเม็กซิโกต้องเจอกับสถานการณ์น้ำท่วมอีกระลอกก่อนที่พายุดีเปรสชั่นอีเลฟเวน-อีจะพัดขึ้นฝั่ง
ประชาชนหลายหมื่นคนที่อาศัยอยู่ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ของสหรัฐ ยังคงไม่มีน้ำประปาใช้ในวันพุธตามเวลาท้องถิ่น นับเป็นเวลา 6 วันแล้วหลังจากที่เฮอริเคน “เฮลีน” พัดกระหน่ำรัฐฟลอริดา
ไต้หวันเคลื่อนกำลังพลทหารในกองทัพเกือบ 40,000 นายในวันนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับปฎิบัติการช่วยเหลือและกู้ภัยในขณะที่พายุไต้ฝุ่น “กระท้อน” กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ไต้หวัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ ทีมกรุ๊ป เผยวันที่ 29 ก.ย.67 มีพายุเคลื่อนตัวอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก 2 ลูก ไม่มีผลต่อภูมิอากาศของประเทศไทย
เจ้าหน้าที่สหรัฐตลอดทั้งเขตตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐต้องเผฃิญกับงานยากลำบากในการจัดการทำความสะอาดเศษซากความเสียหายที่เกิดจากพายุเฮอริเคน “เฮลีน” ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
เฮอร์ริเคน “เฮลีน” สร้างความเสียหายอย่างหนักในหลายรัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐ ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 44 คนแล้ว
พายุ “จอห์น” เริ่มสลายตัวไปบริเวณชายฝั่งด้านมหาสมุทรแปซิฟิกของประเทศเม็กซิโกในวันศุกร์ โดยอ่อนกำลังลง
ไต้ฝุ่นปูลาซันพัดขึ้นฝั่งที่ประเทศจีนถึงสองครั้งเมื่อคืนนี้ คาดว่าจะทำให้มีฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ส่วนที่เวียดนามก็ถูกพายุโซนร้อนซูลิกพัดขึ้นฝั่งทางภาคกลางไปเมื่อชวงเย็นวานนี้เช่นกัน
“มนพร” กำชับ “เจ้าท่า” ออกประกาศเตือนชาวเรือ จากพายุ “ดีเปรสชั่น” เฝ้าระมัดระวังการเดินเรือ
สำนักอุตุนิยมวิทยาเวียดนามกล่าววันนี้คาดหมายว่า พายุโซนร้อนจะขึ้นฝั่งในเขตภาคกลางของเวียดนามในวันนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกอย่างหนักและอาจจะส่งผลให้เกิดวมรุนแรง หลังจากไม่นานมานี้เพิ่งจะมีไต้ฝุ่น “ยางิ” สร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้างในภูมิภาคนี้
หลายพื้นที่ทางภาคเหนือยังไม่ทันฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมครั้งที่ผ่านมา แต่ชาวบ้านต้องเตรียมตัวรับกับพายุลูกใหม่ หลายคนยังไม่กล้ากลับไปอาศัยในบ้าน เพื่อรอจนกว่าพายุลูกนี้จะผ่านพ้นไปก่อน
กรมชลประทาน แจ้งเตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เนื่องจากคาดว่าฝนที่จะตกเพิ่มขึ้นจากพายุดีเปรสชัน จะทำให้ปริมาณน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น โดยทยอยปรับเป็นขั้นบันไดในอัตราไม่เกิน 1,500 ลบ.ม./วินาที จะทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนสูงขึ้น 60 ซม. ถึง 1 เมตร