ประธานาธิบดี

โคลัมโบ 23 ก.ย.- นายอนุระ กุมารา ดิสซานายาเก นักการเมืองศรีลังกาที่มีแนวคิดไปทางมาร์กซิสต์ประกอบพิธีสาบานตนในวันนี้ หลังจากเป็นผู้ชนะในการนับคะแนนรอบ 2 เมื่อวันอาทิตย์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่มีขึ้นเมื่อวันเสาร์ นายดิสซานายาเก วัย 55 ปี ไม่ได้อยู่ในวงศ์ตระกูลนักการเมืองเหมือนผู้สมัครคนอื่น ๆ เขาสามารถเอาชนะคู่แข่งอย่างนายรานิล วิกรมสิงเห ประธานาธิบดีวัย 75 ปีที่ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2565 และนายซาจิธ เปรมาดาสา ผู้นำฝ่ายค้านวัย 57 ปี (อ่านเพิ่มเติม https://tna.mcot.net/world-1423340) คณะกรรมการการเลือกตั้งศรีลังกาแจ้งว่า มีผู้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันเสาร์ประมาณร้อยละ 75 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 17 ล้านคนจากจำนวนประชากรทั้งหมดมากกว่า 23 ล้านคน เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกของประเทศ นับจากเศรษฐกิจเผชิญวิกฤตในปี 2565 จากการขาดแคลนทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ ทำให้ไม่สามารถนำเข้าสินค้าจำเป็น เช่น เชื้อเพลิง ยา ก๊าซหุงต้ม นำมาซึ่งการประท้วงทั่วประเทศที่ทำให้นายโกตาบายา ราชปักษา ประธานาธิบดีในขณะนั้นต้องหนีออกนอกประเทศและประกาศลาออกในเวลาต่อมา.-814.-สำนักข่าวไทย 

โคลัมโบ 23 ก.ย.- นายอนุระ กุมารา ดิสซานายาเก วัย 55 ปี นักการเมืองที่มีแนวคิดเอนไปทางมาร์กซิสต์ คว้าชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีศรีลังกา ซึ่งมีการลงคะแนนไปเมื่อวันเสาร์ การเลือกตั้งครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของศรีลังกาที่ต้องมีการนับคะแนนถึง 2 รอบ ระบบการเลือกตั้งประธานาธิบดีในศรีลังกาให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกผู้สมัครด้วยการเรียงตามอันดับความชอบ ได้ 3 อันดับ หากผลการนับคะแนนรอบแรกไม่มีผู้สมัครคนใดได้รับคะแนนความชอบอันดับ 1 ถึงเกณฑ์ร้อยละ 50 จะตัดผู้สมัครทุกคนให้เหลือเพียงผู้มีคะแนนสูงสุด 2 คนแรก แล้วให้นับรวมคะแนนความชอบอันดับรองลงไปที่ผู้สมัคร 2 คนนี้ได้รับ ผลการนับคะแนนรอบสองเมื่อวันอาทิตย์พบว่า นายดิสซานายาเก วัย 55 ปี ที่ชูนโยบายปราบปรามการทุจริตและกระตุ้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ประสบวิกฤตการเงินเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ได้คะแนนร้อยละ 42.3 เพิ่มขึ้นอย่างมากจากการเลือกตั้งปี 2562 ที่เขาได้คะแนนเพียงร้อยละ 3 เท่านั้น เขาได้คะแนนเป็นที่ 1 ทิ้งห่างนายซาจิธ เปรมาดาสา ผู้นำฝ่ายค้านที่ได้คะแนนร้อยละ 32.8 ส่วนนายรานิล วิกรมสิงเห ประธานาธิบดีคนปัจจุบันได้คะแนนร้อยละ 17 ในการนับคะแนนรอบแรก นายดิสซานายาเกประกาศตัวว่าเป็นผู้สมัครแห่งความเปลี่ยนแปลง และรับปากจะยุบสภาภายใน […]

รองประธานาธิบดีคอมมาลา แฮร์ริส ซึ่งเป็นตัวแทนพรรคเดโมครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีพยายามผลักดันให้มีการดีเบต หรือ โต้วาทีแสดงวิสัยทัศน์ครั้งที่ 2 กับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ชาวศรีลังกาผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งหลายล้านคนออกไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในวันนี้เพื่อสรรหาประธานาธิบดีที่จะเข้ามาทำหน้าที่สำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

การากัส 15 ก.ย. – เวเนซุเอลาแจ้งข่าวจับกุมชาวต่างชาติ 6 คน โดยระบุว่าเดินทางเข้าประเทศมาลอบสังหารประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร ของเวเนซุเอลา นายดีโอสดาโด กาเบญโญ รัฐมนตรีมหาดไทยของเวเนซุเอลาแถลงข่าวทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐว่า ทางการจับกุมชาวอเมริกัน 3 คน ชาวสเปน 2 คน และชาวสาธารณรัฐเชก 1 คนเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นที่เดินทางเข้าประเทศหวังลอบสังหารประธานาธิบดี โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่นำโดยสำนักข่าวกรองกลางหรือซีไอเอ (CIA)  ของสหรัฐที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลเวเนซุเอลา และสังหารแกนนำรัฐบาลหลายคน นายกาเบญโญได้เปิดเผยภาพปืนยาวหลายกระบอกที่อ้างว่ายึดได้จากผู้วางแผนบางคน และระบุว่า 1 ในชาวอเมริกันที่ถูกจับกุมเป็นหน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐหรือเนวีซีล ที่เคยปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถาน อิรักและโคลอมเบีย ด้านกระทรวงต่างประเทศสหรัฐแถลงยืนยันในวันเดียวกันว่า มีทหารอเมริกันถูกเวเนซุเอลาจับกุม 1 นาย และได้รับรายงานข่าวที่ไม่ยืนยันว่า มีชาวอเมริกัน 2 คนถูกจับกุมด้วย พร้อมกับปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องสหรัฐพัวพันกับแผนการโค่นล้มนายมาดูโรว่าเป็นเรื่องเท็จอย่างแท้จริง เพราะสหรัฐยังคงสนับสนุนให้ใช้หนทางประชาธิปไตยในการแก้ไขวิกฤตทางการเมืองในเวเนซุเอลา เวเนซุเอลาประกาศข่าวจับกุมชาวต่างชาติ หลังจากกระทรวงคลังสหรัฐประกาศมาตรการลงโทษพันธมิตร 16 คนของผู้นำเวเนซุเอลาได้เพียง 2 วัน โทษฐานขัดขวางการลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีเวเนซุเอลาเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม และละเมิดสิทธิมนุษยชน ขณะที่รัฐสภาสเปนประกาศรับรองนายเอ็ดมุนโด กอนซาเลซ ผู้สมัครฝ่ายค้านของเวเนซุเอลาว่าเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี.-814.-สำนักข่าวไทย

บราซิเลีย 8 ก.ย.- เวเนซุเอลาแจ้งเพิกถอนการให้บราซิลเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของอาร์เจนตินาในเวเนซุเอลา เป็นความตึงเครียดทางการทูตล่าสุดจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีเวเนซุเอลาที่เกิดกระแสถกเถียง รัฐบาลเวเนซุเอลาได้แจ้งต่อบราซิลเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น เรื่องเพิกถอนการอนุญาตให้บราซิลเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของอาร์เจนตินาในเวเนซุเอลา ซึ่งรวมถึงการบริหารจัดการสถานทูตอาร์เจนตินาในกรุงการากัสที่ให้ฝ่ายค้านเวเนซุเอลา 6 คนหลบลี้ภัยอยู่ เวเนซุเอลาแถลงว่า การตัดสินใจดังกล่าวมีผลทันที เนื่องจากมีหลักฐานพิสูจน์ว่า สถานทูตอาร์เจนตินาถูกใช้เป็นสถานที่วางแผนลอบสังหารประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร และรองประธานาธิบดีเดลซี โรดริโกซ ด้านบราซิลแถลงว่า ได้รับแจ้งจากเวเนซุเอลาแล้ว แต่จะทำหน้าที่อารักขาและปกป้องผลประโยชน์ของอาร์เจนตินาต่อไป จนกว่าอาร์เจนตินาจะแจ้งว่ามีประเทศที่เวเนซุเอลาให้การยอมรับพร้อมจะทำหน้าที่นี้แทน ก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ กระทรวงการต่างประเทศของอาร์เจนตินาได้ขอให้ศาลอาญาระหว่างประเทศออกหมายจับนายมาดูโรและเจ้าหน้าที่รัฐบาลอาวุโสคนอื่น ๆ จากการที่เกิดเหตุรุนแรงหลังการเลือกตั้ง เวเนซุเอลาได้ตัดความสัมพันธ์กับอาร์เจนตินา หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีเวเนซุเอลาที่อ้างว่า นายนิโกลัส มาดูโรได้รับเลือกตั้งอีกครั้งเป็นสมัยที่สามโดยไม่ได้เผยแพร่ผลคะแนน ขณะที่บราซิล โคลอมเบียและเม็กซิโกได้ขอให้รัฐบาลเวเนซุเอลาเผยแพร่ผลการลงคะแนนทั้งหมด.-814.-สำนักข่าวไทย