ประธานาธิบดี

เซาท์แคโรไลนา 11 ก.พ.- โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวหาโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันว่า ด้อยสติปัญญาที่จะเป็นประธานาธิบดี หลังจากมีรายงานชี้ว่า ไบเดนกำลังมีปัญหาเรื่องหลงลืม ทรัมป์กล่าวระหว่างหาเสียงที่เมืองคอนเวย์ รัฐเซาท์แคโรไลนาเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า รายงานของที่ปรึกษากฎหมายพิเศษระบุว่า ไบเดนไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสหรัฐ ทรัมป์ซึ่งกำลังมีคดีระดับรัฐและระดับประเทศ 4 คดี หนึ่งในนั้นคือคดีเก็บเอกสารลับไว้ในที่พัก มีแนวโน้มจะได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับไบเดนในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนนี้ นายโรเบิร์ต เฮอร์ ที่ปรึกษากฎหมายพิเศษของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นอัยการรัฐแมริแลนด์สมัยรัฐบาลทรัมป์ เผยแพร่รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สรุปผลการสอบสวนนาน 15 เดือนว่า ไบเดนรู้ว่ามีข้อมูลความมั่นคงแห่งชาติและกองทัพที่เป็นชั้นความลับอยู่ในบ้านตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งเป็นช่วงที่เขาพ้นจากตำแหน่งรองประธานาธิบดีสมัยบารัก โอบามาแล้ว และได้เปิดเผยข้อมูลบางส่วนให้แก่ผู้เขียนหนังสือบันทึกความทรงจำให้เขาที่ตีพิมพ์ในปีดังกล่าว อย่างไรก็ดี ผลการสอบสวนสรุปว่า ไม่ควรตั้งข้อหาอาญาและออกหมายจับในเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งเพราะเป็นการยากที่จะยื่นฟ้องประธานาธิบดีที่น่าจะทำให้คณะลูกขุนเห็นว่า เขาเป็นชายชราที่มีความเห็นอกเห็นใจ มีความตั้งใจดี และมีความจำไม่ดี คณะสอบสวนที่สัมภาษณ์เขาในปี 2566 พบว่า ไบเดนมีข้อจำกัดเรื่องความจำอย่างมาก เพราะจำไม่ได้ว่าโบ ไบเดน บุตรชายคนโตเสียชีวิตเมื่อใด ด้านประธานาธิบดีไบเดนกล่าวตอบโต้ในวันเดียวกันว่า ความจำของเขายังดีอยู่.-814.-สำนักข่าวไทย

ปานามาปฏิเสธคำขอของนิการากัวที่ต้องการให้นายริคาร์โด มาร์ติเนลลี อดีตประธานาธิบดีปานามา เดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปลี้ภัยในนิการากัว

โซล 4 ก.พ.- เกาหลีใต้เรียกนักการทูตรัสเซียมารับคำร้องเรียนเรื่องรัสเซียวิจารณ์ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอลของเกาหลีใต้ที่กล่าวเรื่องเกาหลีเหนือต้องการมีอาวุธนิวเคลียร์ กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้แถลงว่า นายชอง บยอง-วอน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศฝ่ายกิจการการเมืองได้เรียกนายยอร์กี ซีโนวีฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำเกาหลีใต้เข้าพบเมื่อวันเสาร์ เพื่อร้องเรียนเรื่องรัฐบาลรัสเซียตำหนิถ้อยแถลงของประธานาธิบดียุนว่า เป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่งว่า รัสเซียเพิกเฉยต่อความจริงและปกป้องเกาหลีเหนืออย่างไร้เงื่อนไข แต่กลับวิจารณ์ถ้อยแถลงของผู้นำเกาหลีใต้ด้วยถ้อยคำหยาบคายอย่างยิ่ง การกระทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเกาหลีใต้และรัสเซียเสื่อมถอยลง ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดียุนได้กล่าวในการประชุมเจ้าหน้าที่กลาโหมและความมั่นคงเมื่อวันที่ 31 มกราคมว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อคงไว้ซึ่งระบอบการปกครองแบบเบ็ดเสร็จที่ตกทอดกันมา และเพิกเฉยต่อกฎหมายสากลและมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอสซี (UNSC) ด้วยการค้าขายอาวุธกับรัสเซีย ต่อมาโฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซียกล่าวในวันถัดมาว่า ถ้อยแถลงของผู้นำเกาหลีใต้เต็มไปด้วยอคติ และน่ารังเกียจอย่างมาก การที่สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดขึ้น สาเหตุหลักเพราะนโยบายที่ไร้ความยางอายของสหรัฐและพันธมิตรอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น.-814.-สำนักข่าวไทย

ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย เผยวันนี้ว่า คณะรัฐมนตรีของเขายังคงทำงานตามปกติ หลังจากมีกระแสข่าวแพร่สะพัดว่ารัฐมนตรีหลายคนไม่พอใจเขา

เฮลซิงกิ 28 ม.ค.- ชาวฟินแลนด์จะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ในวันนี้ เพื่อนำพาประเทศในยุคที่ละทิ้งจุดยืนยาวนานเรื่องไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดและเข้าเป็นสมาชิกนาโต หลังจากรัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อเกือบ 2 ปีก่อน คูหาเลือกตั้งจะเปิดตั้งแต่เวลา 09:00-20:00 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง โดยมีการเลือกตั้งล่วงหน้าไปเมื่อวันที่ 17-23 มกราคม คาดว่าจะทราบผลคะแนนทั้งหมดได้ก่อนเที่ยงคืนวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นจะมีการประกาศผลการเลือกตั้งรอบแรกอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 มกราคม หากไม่มีผู้สมัครคนใดได้คะแนนเกินครึ่ง ผู้สมัครที่ได้คะแนนมากที่สุด 2 คนแรกจะต้องชิงชัยกันในการเลือกตั้งรอบ 2 วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ผู้ชนะจะได้ดำรงตำแหน่งวาระ 6 ปี นายเซาลิ นีนิสโต วัย 75 ปี ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ดำรงตำแหน่ง 2 วาระติดต่อกันมาตั้งแต่ 2555 จึงไม่สามารถลงเลือกตั้งได้อีก เขาได้รับฉายาว่า “คนรู้ใจของปูติน” จากการคงความสัมพันธ์กับรัสเซียอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นแนวทางของผู้นำฟินแลนด์หลายคนที่ผ่านมา แต่หลังจากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนตกเหนือหรือนาโต (NATO) รับฟินแลนด์เข้าเป็นสมาชิกเมื่อเดือนเมษายน 2566 ตามที่ฟินแลนด์ยื่นสมัครในเดือนพฤษภาคม 2565 เพราะสงครามในยูเครนที่เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกัน รัสเซียที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านได้ออกมาตรการที่ไม่เป็นมิตรต่อฟินแลนด์ […]

ปักกิ่ง 24 ม.ค.- จีนและนาอูรูฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกันในวันนี้ หลังจากนาอูรูประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน เมื่อไต้หวันเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้ไม่กี่วัน นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนและนายไลโอเนล เอนจิเมีย รัฐมนตรีต่างประเทศสาธารณรัฐนาอูรู ซึ่งเป็นประเทศในโอเชียเนีย ลงนามเอกสารฟื้นความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างเป็นทางการในวันนี้ ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระดับเอกอัครราชทูตกลับมาเป็นปกติโดยทันที เอกสารดังกล่าวระบุว่า นาอูรูรับรองว่า โลกนี้มีเพียงจีนเดียวที่ปกครองโดยสาธารณรัฐประชาชนจีน และรับรองว่าไต้หวันเป็นส่วนที่แบ่งแยกไม่ได้ของจีน นายหวังกล่าวกับสื่อหลังเสร็จสิ้นพิธีลงนามว่า การตัดความสัมพันธ์กับไต้หวันเป็นการตัดสินใจทางการเมืองอย่างเป็นอิสระของรัฐบาลนาอูรู จีนยินดีจะแบ่งปันโอกาสด้านการพัฒนา อันเกิดจากการสร้างความทันสมัยในแบบจีนให้แก่นาอูรู ขณะที่นายเอนจิเมียกล่าวว่า นาอูรูตั้งตารอความสัมพันธ์ใหม่ที่จะตั้งอยู่บนความแข็งแกร่งและยุทธศาสตร์การพัฒนา จะเป็นความร่วมมือที่ดีและเป็นหลักการของรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ นาอูรูสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันครั้งแรกในปี 2523 ต่อมาในปี 2545 ได้หันไปสถาปนาความสัมพันธ์กับจีนและยึดหลักการจีนเดียว แต่ได้ตัดความสัมพันธ์กับจีนและกลับไปรับรองไต้หวันในปี 2548  จนกระทั่งประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2567 หลังจากไต้หวันเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 13 มกราคมที่นายไล่ ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดีและหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าหรือดีพีพี (DPP) ชนะเลือกตั้ง ทำให้พรรคดีพีพีเป็นรัฐบาลต่อเป็นสมัยที่ 3.-814.-สำนักข่าวไทย

ฮานอย 23 ม.ค.- ประธานาธิบดีเยอรมนีนำคณะนักธุรกิจเยอรมันเยือนเวียดนามเริ่มตั้งแต่วันนี้  ตามยุทธศาสตร์การลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาจีนมากเกินไป เว็บไซต์เวียดนามเอ็กซ์เพรสของเวียดนามรายงานว่า ประธานาธิบดีฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ของเยอรมนีและภริยาเดินทางถึงกรุงฮานอยในเช้าวันนี้ เพื่อเริ่มการเยือนอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 2 วันตามคำเชิญของประธานาธิบดีหวอ วัน เถืองของเวียดนามและภริยา นับเป็นประเทศแรกที่ประธานาธิบดีชไตน์ไมเออร์เยือนในปี 2567 และเป็นการแลกเปลี่ยนระดับสูงของ 2 ประเทศเป็นครั้งแรกในปีนี้ ก่อนที่จะครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระดับปกติในปี 2568 รอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีชไตน์ไมเออร์และรัฐมนตรีแรงงานของเยอรมนีจะลงนามบันทึกความเข้าใจกับประธานาธิบดีและรัฐมนตรีแรงงานของเวียดนามเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงานมีทักษะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แรงงานเวียดนามไปทำงานในเยอรมนี ส่วนธุรกิจที่เดินทางไปพร้อมกับคณะผู้นำเยอรมนี เช่น เฮอร์เร็นคเน็ช (Herrenknecht) ผู้ผลิตเครื่องเจาะอุโมงค์ระดับโลก, พีเอ็นอี เอจี (PNE AG) ผู้พัฒนาฟาร์มกังหันลม, คนอฟ กิปส์ เคจี (Knauf Gips KG) ผู้ผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างข้ามชาติ และเทซ่า (Tesa) ผู้ผลิตอุปกรณ์ให้แก่ภาคยานยนต์ ตัวแทนของมูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ในเวียดนามมองว่า การเยือนครั้งนี้ตอกย้ำว่าเยอรมนีต้องการทำให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจมีความหลากหลาย และมองหาประเทศอื่นนอกเหนือจากจีน ส่วนข้อตกลงแรงงานที่คาดว่าจะมีการลงนามกันเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของเยอรมนีที่ต้องการแรงงานมีทักษะจากต่างประเทศ ข้อมูลของหอการค้าเยอรมนีในเวียดนามระบุว่า บริษัทเยอรมันลงทุนในเวียดนามมากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า […]

กระทรวงต่างประเทศฟิลิปปินส์กล่าววันนี้ย้ำถึงการยึดถือหลักการ “นโยบายจีนเดียว” หลังจากประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ กล่าวแสดงความยินดีต่อนายไล่ ชิงเต๋อ ว่าที่ประธานาธิบดีไต้หวัน

ไทเป 15 ม.ค.- นายไล่ ชิงเต๋อ ว่าที่ประธานาธิบดีไต้หวันกล่าวกับคณะอดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐที่มาเยือนว่า เขาหวังว่าสหรัฐจะให้การสนับสนุนไต้หวันต่อไป นายไล่ เป็นประธานพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าหรือดีพีพี (DPP) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในรัฐบาลของประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน พรรคเดียวกัน เขามีกำหนดสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 พฤษภาคม หลังจากชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรงเมื่อวันที่ 13 มกราคม นายไล่กล่าวขณะให้การต้อนรับนายสตีเฟน แฮดลีย์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐและคณะ ณ ที่ทำการพรรคดีพีพีในวันนี้ว่า อนาคตของไต้หวันภายใต้การนำของเขาและว่าที่รองประธานาธิบดีเซียว เหม่ยฉินจะทำงานบนพื้นฐานที่ประธานาธิบดีไช่ได้สร้างไว้ และจะเดินหน้าปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน เขาหวังว่า สหรัฐจะสามารถให้การสนับสนุนไต้หวันต่อไป และกระชับความร่วมมือระหว่างสหรัฐและไต้หวันเพื่อประโยชน์ร่วมกัน เพื่อความปลอดภัยและความรุ่งเรืองของภูมิภาคนี้ ว่าที่ผู้นำไต้หวันกล่าวด้วยว่า ขอขอบคุณสหรัฐที่ให้การสนับสนุนไต้หวันมายาวนาน เขาเชื่อว่า ความสัมพันธ์จะเดินหน้าไปสู่ทิศทางที่มั่นคงผ่านการเดินหน้าทำงานหนัก และกลายเป็นกำลังสำคัญในการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในอินโด-แปซิฟิก.-814.-สำนักข่าวไทย