ตะวันออกกลาง

เยรูซาเล็ม 19 ม.ค.- ผู้นำของอิสราเอลประกาศจุดยืนที่ทำลายความหวังสร้างสันติภาพในตะวันออกกลาง ด้วยการยืนยันว่าเขาต่อต้านการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์หลังสิ้นสุดสงครามที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ แนวคิดจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์เป็นข้อเสนอของหลายฝ่ายเพราะเห็นว่าจะสร้างสันติภาพและเสถียรภาพที่แท้จริงขึ้นได้ สหรัฐและพันธมิตรของอิสราเอลก็ต้องการให้เป็นทางออก 2 รัฐที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข  ล่าสุดนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้เดินสายไปยังประเทศต่างๆ เพื่อผลักดันแนวทางนี้  แต่ปรากฎว่า นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ยืนกรานไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้  พร้อมกับยืนยันว่า อิสราเอลจะเดินหน้ารักษาความมั่นคงของตัวเอง โดยจะต้องเข้าไปควบคุมดินแดนของปาเลสไตน์ทั้งหมด รวมถึงเวสต์แบงค์ด้วย   นายเนทันยาฮูต่อต้านการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์ตลอดอาชีพนักการเมืองของเขา แต่ครั้งนี้เขาแสดงความคัดค้านสหรัฐและชาติตะวันตกอื่นๆ อย่างชัดเจน  เขาเผยว่า ได้ปฏิเสธแนวคิดนี้โดยตรงกับนายบลิงเคนด้วย ในเวลาที่นานาประเทศกดดันให้อิสราเอลยุติการทำลายล้างในฉนวนกาซา ซี่งทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 25,000 คนแล้ว แต่ในการแถลงล่าสุดผู้นำอิสราเอลยังยืนยันจะเดินหน้าเพื่อชัยชนะด้วยการกำจัดกลุ่มฮามาสและช่วยเหลือตัวประกันที่เหลือทั้งหมด ซี่งอาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน ผู้เชี่ยวชาญมองกันว่า นายเนทันยาฮูประกาศเช่นนี้อาจช่วยให้เขาได้รับแรงหนุนจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมในประเทศ แต่เสี่ยงที่จะสูญเสียแรงหนุนจากชาวอิสราเอลอีกส่วนหนี่ง รวมถึงประเทศพันธมิตรที่เคยสนับสนุนอิสราเอลให้มีสิทธิในการป้องกันตัวเองจากกลุ่มก่อการร้าย.-812(814).-สำนักข่าวไทย

นักวิเคราะห์ระบุว่า เหตุการณ์ที่อิหร่านและปากีสถานผลัดกันโจมตีกันในสัปดาห์นี้ และจุดกระแสวิตกว่าจะสถานการณ์ในตะวันออกกลางจะขยายวงกว้าง เป็นความขัดแย้งยาวนานที่มีสาเหตุมาจากพื้นที่พรมแดนที่ไม่สงบ

ปากีสถานยิงโจมตีเมืองชายแดนของอิหร่านตอบโต้ที่เมื่อสองวันก่อนอิหร่านได้โจมตีเมืองชายแดนของตน โดยต่างอ้างว่าเพื่อกำจัดกลุ่มก่อการร้าย ทำให้มีพลเรือนและเด็กเสียชีวิตหลายคน ขณะทั่วโลกเกรงจะเกิดการสู้รบใหญ่ขึ้นอีกจุด

เตหะราน 9 ธ.ค.- อิหร่านเตือนวันนี้ว่า สถานการณ์ในตะวันออกกลางจะระเบิดอย่างไม่สามารถควบคุมได้ หลังจากสหรัฐใช้สิทธิยับยั้งการลงมติญัตติของสหประชาชาติหรือยูเอ็นที่เรียกร้องให้หยุดยิงในกาซา กระทรวงต่างประเทศอิหร่านแถลงวันนี้ว่า นายฮอสเซน อามีร์-อับดุลลาเฮียน รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านได้โทรศัพท์ถึงนายอันโตนีโอ กูแตร์เรส เลขาธิการยูเอ็นว่า ตราบใดที่สหรัฐอเมริกายังสนับสนุนการก่ออาชญากรรมของระบอบไซออนิสต์ (หมายถึงอิสราเอล) และการเดินหน้าสงคราม ก็มีความเป็นไปได้ที่สถานการณ์ในตะวันออกกลางจะระเบิดอย่างไม่สามารถควบคุมได้ การที่อิสราเอลเปิดการโจมตีครั้งใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม โดยอ้างว่าฮามาสละเมิดข้อตกลงพักรบ 1 สัปดาห์นั้น เป็นข้ออ้างเท็จล้วน ๆ และการที่สหรัฐสนับสนุนอิสราเอลได้ทำให้การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงอย่างถาวรเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านได้ยกย่องเลขาธิการยูเอ็นที่ตัดสินใจใช้มาตรา 99 ในกฎบัตรยูเอ็นว่า เป็นการดำเนินการอย่างกล้าหาญเพื่อคงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพสากล มาตรานี้ให้เลขาธิการยูเอ็นสามารถนำเรื่องที่เห็นว่าอาจคุกคามการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศมาเสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นหรือยูเอ็นเอสซีทราบ.-814.-สำนักข่าวไทย

ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน เตือนการสู้รบอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส จะลุกลามสู่ระดับภูมิภาคในตะวันออกกลาง ขอบคุณกบฏฮูธี และกองกำลังชีอะต์ ที่ร่วมต่อสู้

ซิดนีย์ 25 ต.ค.- ออสเตรเลียเผยว่าส่งเครื่องบินและกำลังทหารไปยังตะวันออกกลาง เนื่องจากมีความเป็นห่วงมากขึ้นต่อพลเรือนออสเตรเลียที่อยู่ในภูมิภาคนี้ นายริชาร์ด มาร์เลส รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลียเผยกับบรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงเอบีซี (ABC) ว่า กำลังส่งกำลังทหารจำนวนหนึ่งไปตะวันออกกลางแต่ไม่ได้เปิดเผยจำนวน และได้ส่งเครื่องบินลำเลียงซี-130เจ ซูเปอร์เฮอร์คิวลิส (C-130J Super Hercules) จำนวน 2 ลำไปประจำการแล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าทหารและเครื่องบินออสเตรเลียจะประจำการอยู่ที่ใด ทั้งนี้เพื่อให้การสนับสนุนพลเรือนชาวออสเตรเลียในตะวันออกกลางหากสถานการณ์เลวร้ายลง ปัจจุบันออสเตรเลียมีเครื่องบินขนส่งทางทหารขนาดใหญ่ซี-17เอ โกลบมาสเตอร์ (C-17A Globemaster) และเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศเคซี-30 (KC-30) ประจำการอยู่ในตะวันออกกลางอยู่แล้ว ทั้งนี้หลังจากสงครามอิสราเอล-ฮามาสปะทุขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม มีชาวออสเตรเลียเดินทางออกจากอิสราเอลแล้วมากกว่า 800 คนนับตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลียเผยว่า รัฐบาลกำลังหาทางช่วยพลเรือนที่ขอเดินทางออกจากกาซา 79 คน และเวสต์แบงก์ 51 คน.-สำนักข่าวไทย

กระทรวงกลาโหมสหรัฐ สั่งเพิ่มความเตรียมพร้อมทางการทหารในตะวันออกกลาง เพื่อรับมือกับสิ่งที่กระทรวงระบุว่าเป็นความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นเพราะอิหร่านและกองกำลังตัวแทนในภูมิภาค

ปักกิ่ง 19 ต.ค.- ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเผยกับนายกรัฐมนตรีมุสตาฟา มัดโบลีของอียิปต์ว่า จีนหวังว่าจะร่วมมือกับอียิปต์ทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางมีเสถียรภาพมากขึ้น สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี (CCTV) ของทางการจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีสีกล่าวกับนายกรัฐมนตรีมัดโบลีในการพบหารือที่กรุงปักกิ่งในวันนี้ว่า จีนยินดีกระชับความร่วมมือกับอียิปต์ และช่วยทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางและโลกมีความแน่นอนและเสถียรภาพมากขึ้น เพราะทั้ง 2 ประเทศเป็นมิตรที่มีเป้าหมายร่วมกันและไว้วางใจกัน เป็นหุ้นส่วนที่ทำงานประสานกันเพื่อการพัฒนาและความรุ่งเรือง นอกจากนี้จีนยังยินดีที่จะร่วมกับอียิปต์ปกป้องความเป็นธรรมและความยุติธรรมสากล รวมถึงผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศกำลังพัฒนา ผู้นำจีนยังได้แสดงความยินดีที่อียิปต์จะได้เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของกลุ่มบริกส์ (BRICS) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 กลุ่มบริกส์เป็นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีการพัฒนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว สมาชิกประกอบด้วยบราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้ และจะมีสมาชิกใหม่ 6 ประเทศในปีหน้าประกอบด้วยซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรัยเอมิเรตส์, อาร์เจนตินา, อิหร่าน, อียิปต์ และเอธิโอเปีย.-สำนักข่าวไทย