บ้านอัมพวัน กรุงเทพฯ 27 ก.ค.65- พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิก ครั้งที่ 1/2565 ณ ห้องประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ (ห้องประชุม 1) ถนนศรีอยุธยา และผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
ที่ประชุมมีเรื่องเพื่อทราบ การจัดกิจกรรมกีฬามวยไทยที่มีผลต่อการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยไปสู่โอลิมปิกที่ผ่านมาโดยฝ่ายเลขานุการได้จัดทำวีดิทัศน์สรุปการจัดกิจกรรมกีฬามวยไทยที่มีผลต่อการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิกที่ผ่านมาของคณะอนุกรรมการดำเนินการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิก จำนวน 5 กิจกรรมที่สำคัญ ดังนี้ 1) รายการแข่งขันชิงแชมป์เปี้ยนโลกมวยไทย รายการ IFMA World Championships & Festival 2021 2) การเข้าร่วมสังเกตการณ์ในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 “ศรีสะเกษเกมส์” 3) การเยี่ยมชมสถานที่เก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬามวยไทย และติดตามการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม 4) การเข้าร่วมสังเกตการณ์การแข่งขันกีฬามวยไทย รายการ IFMA MUAYTHAI WORLD CHAMPIONSHIP, ABU DHABI, UAE ณ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ 5) การเสริมสร้างความเข้าใจในการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิกกับองค์กรที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังได้รับทราบความคืบหน้าการผลักดันกีฬามวยไทยเข้าสู่เกมส์ที่สำคัญ การชี้แจงการดำเนินงานของสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (IFMA) ผลกระทบต่อกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิกจากการดำเนินงานขององค์กรมวยไทยที่มิได้รับรองจาก IOC และรับทราบการกำหนดสถานที่สำนักงานใหญ่ (Head Quarter) ของสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ
ที่ประชุมมีเรื่องเพื่อพิจารณา การขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิกในราชอาณาจักร (การนำกีฬามวยไทยเข้าสู่ การสอนในสถานศึกษาของรัฐ ในระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา)
พลเอกประวิตร กล่าวว่า ผลการประชุมในวันนี้ ขอให้การกีฬาแห่งประเทศไทย และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติช่วยดูแลอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานให้กับคณะอนุกรรมการดำเนินการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิกนี้ด้วย ขอให้ช่วยกันดำเนินการให้กีฬามวยไทย มีความก้าวหน้าเป็นของชาติไทยและคนไทยตลอดไป
โดยก่อนหน้านี้ พลเอกประวิตร ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 7/2565 โดยได้รับทราบรายงานผลการแข่งขัน
กีฬา The World Games 2022 ณ เมืองเบอร์มิงแฮม สหรัฐอเมริกา และผลงานของนักกีฬาไทย ได้อันดับที่ 18 จาก 70 ประเทศที่ได้รับเหรียญรางวัล ตามรายการ ดังนี้ เหรียญทอง 4 เหรียญ ได้แก่ ยูยิตสู 2 เหรียญทองรุ่น Mixed Duo และรุ่น Women’s 48 kg Fighting มวยไทยสมัครเล่น 2 เหรียญทอง จากรุ่น 67 กิโลกรัมชาย เหรียญเงิน 3 เหรียญได้แก่ มวยไทยสมัครเล่น 1 เหรียญเงิน จากรุ่น 63.5 กิโลกรัมชาย ยูยิตสู 2 เหรียญเงิน จากรุ่น Newaza 48 kg รุ่น Fighting 63 kg เหรียญทองแดง 2 เหรียญ ได้แก่ เปตอง 2 เหรียญทองแดง ประเภทชูติ้ง และประเภทคลาสสิก.-สำนักข่าวไทย