กทม. 12 ก.ค.- สสส. จับมือ อย. เร่งสร้างความเข้าใจใช้กัญชาอย่างเหมาะสม ด้านกุมารแพทย์ ย้ำกัญชาส่งผลเสียต่อสมองและพัฒนาการของเด็ก ในทางการแพทย์มีข้อบ่งใช้ในเด็กน้อยมาก
ในการเสวนาหัวข้อ อาหารและขนมผสมกัญชาใกล้มือเด็ก ห้ามหรือให้ ซึ่ง สสส. และ อย. ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้กัญชาอย่างเหมาะสมและปลอดภัย หลังมีการปลดล็อกกัญชาจากการเป็นยาเสพติดประเภท 5 ไปเมื่อ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา
รศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสิรฐ กุมารแพทย์เฉพาะทางโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็ก หรือหมอวิน เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ บอกว่า หลังมีการปลดล็อกกัญชา พ่อแม่ผู้ปกครองต่างก็กังวลและเป็นห่วง เนื่องจากตอนนี้ เด็กสามารถเข้าถึงกัญชาได้ง่ายมาก ทั้งนี้ กัญชาในทางการแพทย์ มีข้อบ่งชี้บ่งใช้ในเด็กน้อยมาก ปัจจุบันจะใช้ในโรคลมชักชนิดรักษายาก และต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์เฉพาะทางโรคระบบประสาทและลมชัก ส่วนใหญ่จะใช้ในกรณีที่ใช้ยาแผนปัจจุบันแล้วไม่ตอบสนองการรักษา ส่วนการรักษาโรคมะเร็งยังไม่มีข้อบ่งใช้ในเด็ก ดังนั้น การใช้กัญชาในเด็กยังถือว่ามีการใช้ในวงที่แคบมาก หรืออาจบอกได้ว่าแทบจะไม่มีในแพทย์แผนปัจจุบันเลย ในฐานะกุมารแพทย์ อยากให้ผู้ปกครอง ครอบครัว และสังคมไทยช่วยปกป้องสมองเด็กจากกัญชาให้ได้ กัญชาไม่ควรเป็นสิ่งที่เด็กเข้าถึงได้ทั้งในรูปแบบของอาหาร และรูปแบบของยาเสพติดต่าง ๆ เพราะทำให้เกิดผลเสียต่อเด็กอย่างมาก อีกทั้งต้องเป็นตัวอย่างให้เด็กเห็น เพื่อให้เขามีเกราะป้องกันก่อนที่จะออกไปสู่สังคมภายนอก ดังนั้น บ้านควรต้องปลอดกัญชา รวมทั้งการสอนเด็กในเชิงบวก ให้รู้ข้อดีข้อเสียของกัญชาคืออะไรด้วยข้อเท็จจริง หรือถ้าลูกมาขออนุญาต ก็ควรปฏิเสธชัดเจนว่าไม่อนุญาต เชื่อว่าการเลี้ยงและดูแลใส่ใจอย่างดีจากครอบครัว จะทำให้เขาเติบโตมาแล้วสามารถคิดแยกแยะว่าสิ่งไหนดีหรือไม่ดีได้เอง
ขณะที่ ดร.พรณิชา ชาตะพันธุ์ ผอ.โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย (ประถม) บอกว่า ทางโรงเรียนมีความเป็นห่วงเด็ก ที่จะเข้าถึงกัญชาไม่เหมาะสม จึงต้องสร้างมาตรการป้องกันเชิงรุกในโรงเรียน มีนักเรียนมากกว่า 4,000 คน มีชั้นเรียนละ 20 ห้อง จึงเน้นการเรียนรู้ให้นักเรียนทุกช่วงชั้นเข้าใจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคุณ-โทษของกัญชาในทุกวิชาเรียนแบบบูรณาการ เน้นกิจกรรมสร้างเสริมความรู้สร้างภูมิคุ้มกันให้นักเรียน เช่น วิชาศิลปะของนักเรียนชั้น ป.1 จะสอนเรื่องลักษณะของกัญชาเป็นอย่างไร ให้เด็กได้วาดรูประบายสี รวมไปถึงการจัดบอร์ดความรู้ตามจุดต่าง ๆ ในโรงเรียน ให้เห็นลักษณะของกัญชา กัญชง พืชกระท่อม และได้เรียนรู้ว่ามีคุณมีโทษต่อร่างกายอย่างไร การใช้กัญชาทางการแพทย์ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
เมื่อเด็กไปเห็นอาหารที่ผสมกัญชา มีภาพใบกัญชาแบบที่เขาเคยได้เรียน ได้เห็นมาก่อน เขาสามารถปฏิเสธไม่รับประทานได้ ส่วนการควบคุมเมื่อเด็กอยู่นอกรั้วโรงเรียน จะใช้วิธีแจ้งให้ผู้ปกครองทราบและขอให้ช่วยสอดส่องดูแล รวมถึงเป็นตัวอย่างให้เห็น เช่น ไม่สั่งอาหาร เครื่องดื่มที่ผสมกัญชาให้เด็กเห็น พร้อมขอความร่วมมือร้านอาหารรอบรั้วโรงเรียน ไม่ให้นำอาหาร และขนมที่ผสมกัญชามาจำหน่ายให้เด็กกิน .-สำนักข่าวไทย