ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. แสดงวิสัยทัศน์ดันนโยบาย “เมืองผลิตอาหาร”

กรุงเทพ 5 เม.ย. – เครือข่ายภาคประชาชน เชิญผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. แสดงวิสัยทัศน์ดันนโยบาย “เมืองผลิตอาหาร” พร้อมฝากการบ้านให้ผู้ว่าฯ ในอนาคต ยกระดับคุณภาพชีวิตคนเมืองเข้าถึงอาหารที่ดีและปลอดภัย


มูลนิธิชีววิถี มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย) มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล สสส. และเครือข่ายภาคประชาชน จัดเวทีนโยบายสาธารณะ “ปากท้องของคนกรุงฯ ชวนว่าที่ผู้ว่าฯ ออกแบบอนาคตเมืองด้วยพื้นที่อาหาร” ได้เชิญ 4 ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ได้แก่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ,นางสาวรสนา โตสิตระกูล, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์, นาวาตรีศิธา ทิวารี ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ในประเด็นนโยบาย “เมืองผลิตอาหาร”

โดยก่อนที่ผู้สมัครจะแสดงวิสัยทัศน์ ได้เปิดโอกาสให้ภาคประชาชน เสนอประเด็นปัญหาที่ต้องการฝากให้ว่าที่ผู้ว่าฯในอนาคตขับเคลื่อนต่อทั้งประเด็นการสร้างความมั่นคงทางอาหาร การสร้างพื้นที่อาหารของคนเมือง การจัดสรรงบประมาณให้ทั่วถึง การพัฒนาศูนย์ฝึกอาชีพให้เป็นพื้นที่ผลิตอาหารปลอดภัย โครงการเกษตรสวนครัวรั้วกินได้ สนับสนุนให้เกิดรัานค้าสวัสดิการชุมชน 1 เขต 1 ร้านค้า สำหรับกลุ่มเปราะบางที่เข้าไม่ถึงอาหาร ต้องการให้สนับสนุนความรู้และเมล็ดพันธุ์ การเพาะปลูกในครัวเรือนเพื่อปากท้อง และอยากให้ช่วยชุมชนเกิดใหม่ในกรุงเทพฯ


นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนอาหาร เป็นปัญหาที่เกิดกับคนจน โดยตนเองจะใช้นโยบายนำเงินจากการจัดเก็บภาษีที่ดินมาเติมสวัสดิการ เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างรัฐสวัสดิการ จะทำให้คนจะมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแล ทำให้คนอยู่ในเมืองได้ โดยไม่ต้องออกไปหาที่อาศัยนอกเมือง ไม่ต้องจ่ายเงินกับการเดินทาง จะได้มีกำลังซื้อ เมื่อมีกำลังซื้อ ก็มีคนอยากจะลงทุน ทำให้เมืองมีความหวังมีอนาคต สุดท้ายเมืองที่คนเท่ากันมีความเป็นธรรม ต้องสร้างกฎกติกาที่เป็นธรรม จะทำให้คนมีแรงจูงใจในการพัฒนาเมือง ส่วนการจัดสรรงบประมาณ มีนโยบายในการจัดงบประมาณลงไปในชุมชน เพื่อให้คนกรุงเทพฯ โหวตว่าอยากจะทำโครงการอะไร ทั้ง 50 เขต ก็จะได้โครงการที่ต้องการ

นางรสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครในนามอิสระ กล่าวว่า มีนโยบายกระจายงบประมาณ 50 ล้านบาท ไปยัง 50 เขต เพื่อให้ประชาชนในแต่ละเขตนำเสนอโครงการที่ต้องการทำ จะมีการสำรวจพื้นที่ว่างเปล่าในกทม. จัดสรรเป็นพื้นที่เกษตรกรรมในเมือง สำหรับปลูกพืช ให้มีแหล่งอาหารใกล้ มีโครงการแยกขยะอาหารจากขยะเปียก นำไปผลิตก๊าซชีวภาพและก๊าซหุงต้ม ซึ่งใครที่แยกขยะจะให้ก๊าซ ลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน นอกจากนี้ยังได้ปุ๋ยมาสนับสนุนเกษตรอินทรีย์ในเมือง ซึ่งการทำเกษตรในเมืองจะทำให้มีอาหาร ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ จากวิกฤติโควิดที่ผ่านมา เราเห็นปัญหาคนขาดแคลนอาหาร ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทย จะต้องยึดหลักพึ่งตนเองและแบ่งปันกัน จะต้องสร้างแหล่งอาหารและพื้นที่สีเขียวใน กทม. ขณะที่การแก้ปัญหาหาบเร่ แผงลอย จะเลิกไล่จับ จัดที่ให้ขาย เก็บค่าเช่าถูก ให้พ่อค้าแม่ค้าทำอาหารที่มีคุณภาพราคาถูก ช่วยคนในเมืองเข้าถึงอาหารราคาถูก ส่งเสริมการตรวจสอบคุณภาพอาหาร ให้ความสำคัญกับธุรกิจขนาดเล็ก ตั้งกองทุนให้หาบเร่แผงลอยเข้าถึงเงินกู้ จะได้หลุดพ้นจากหนี้นอกระบบ จะทำทุกวิถีทางให้คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนได้ ส่งเสริมหลักสูตรในการพัฒนาตามความต้องการแต่ละชุมชน ส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้วิชาในการทำมาหากิน

นาวาตรีศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.จากพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า จะใช้การจัดงบดัวยเทคโนโลยีบล็อกเชน และให้คนในพื้นที่กำหนดงบประมาณของตัวเอง ให้ประชาชนมามีส่วนร่วมในการบริหาร ส่วนการการจัดการอาหารจะนำที่ดินจองรัฐ ที่ส่วนราชการ และที่เอกชนรกร้างว่างเปล่า นำมาทำสวนสาธารณะ ทำสวนครัวตัวอย่าง ร่วมกัน เอ็นจีโอ ให้คนปลูกจับคู่กับคนที่ต้องการบริโภคพืชผักสวนครัว มาร่วมกันปลูก ทำให้ชาวบ้านมีกิจกรรมมีรายได้ คนที่บริโภคจะเห็นการดูแลสวน และหากตนเองได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม. อันดับแรกที่จะทำ คือ เข้าไปดูเรื่องหาบแร่ แผงลอย ซึ่งเป็นจุดแข็งต้องรักษาเอาไว้ จะเปลี่ยนเทศกิจ จากคนที่เข้าตรวจสอบ ให้ไปสนับสนุนให้ประชาชนขายของได้ โดยไม่กีดขวางทางเท้า จะใช้กลไกทุกอย่างนำเสนอสิ่งที่ดีให้ประชาชน ทำให้ กทม. ต้องเป็นเมืองที่ที่ทุกคนอยากมาอยู่อาศัย


ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครในนามอิสระ ไม่สามารถมาร่วมแสดงวิสัยทัศน์บนเวที แต่ได้อัดคลิปมาเปิดในงาน โดยนายชัชชาติ กล่าวว่า เห็นชัดว่า อาหารในกรุงเทพฯ มีที่มาจากต่างจังหวัด ถ้าเกิดเหตุขัดข้องแหล่งอาหารถูกตัดขาด เช่น เหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปี 54 ทำให้คนกรุงเทพไม่มั่นคงทางอาหาร ต้นทางแหล่งผลิตอยู่ไกล ทำให้ผู้บริโภคไม่รู้ได้ว่าอาหารนั้นปลอดภัยหรือไม่ ขณะที่ช่วงโควิด-19 ระบาด เห็นถึงการขาดแคลนอาหาร การขนส่งมีปัญหา คนขาดรายได้ เกิดความยากจน ไม่สามารถซื้ออาหารได้ เกิดปัญหาความเลื่อมล้ำด้านอาหาร จึงต้องการเสนอนโยบายเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร เริ่มจากการแยกขยะต้นทาง ซึ่งจะได้ปุ๋ย ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง จะได้อาหารพืชผักปลอดสารพิษ สามารถควบคุมการผลิตได้ ทำให้คนมีแรงจูงในในการแยกขยะ ให้ กทม.ไปรับซื้อปุ๋ยจากเพื่อใช้ในสวนสาธารณะ จะต้องมีสวนเกษตรอินทรีย์ใกล้บ้าน เดินทาง 15 นาที หรือ 800 เมตร ใน 2,000 ชุมชน ให้ครอบคลุมทั่วกรุง ให้เช่าพื้นที่ว่างเปล่าในชุมชนทำแปลงเกษตร 1 ชุมชน 1 แปลงเกษตร จัดให้มีศูนย์ฝึกอาชีพให้ความรู้การทำเกษตรแก่ชุมชน เชื่อมโยงความต้องการ จัดหาตลาดในรูปแบบแพลตฟอร์มออนไลน์ และตลาดของเขต จัดทำธนาคารอาหาร นำอาหารส่วนเหลือ จากร้านอาหาร ห้าง โรงแรม ที่ยังบริโภคได้ มาใส่ไว้ในธนาคารอาหาร ให้กลุ่มเปราะบาง คนในชุมชน หรือคนที่เข้าไม่ถึงอาหาร และคนทั่วไปมาเลือกเลือกซื้ออาหารได้ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารให้คนกรุงเทพฯได้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ-อีสาน

กทม. 27 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและอีสาน ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน และอ่าวตังเกี๋ย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. […]

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย