เตือนเร่งออกมาตรการป้องกันฝุ่น PM2.5 น่ากังวลกว่าทุกปี

กทม. 4 พ.ย.- ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จี้รัฐเร่งหาเจ้าภาพรับมือฝุ่น PM2.5 แนวโน้มน่าห่วงตั้งแต่กลางเดือน พ.ย.นี้ ชี้ปัญหาผสมโรง ทั้งจราจร ฝุ่นพิษ บวกด้วยโควิด เป็นโจทย์ท้าทายความสามารถของภาครัฐจะเอาอยู่หรือไม่

นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ให้สัมภาษณ์ถึงแนวโน้มสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในปีนี้ มีแนวโน้มน่าเป็นห่วง ตั้งแต่กลางเดือน พ.ย.นี้ เป็นต้นไป เนื่องจากความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะเริ่มแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย และถ้ามีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดอ่อนกำลังลง แล้วความชื้นสัมพัทธ์สูง ก็จะยิ่งทำให้ ฝุ่น PM 2.5 มีปริมาณสูงขึ้นปีอีก ประกอบกับช่วงนี้กลับมาเปิดประเทศ เปิดโรงเรียน เปิดการท่องเที่ยวแล้ว ทำให้การจราจรใน กทม. และในเมืองใหญ่หนาแน่นและติดขัด โดยใน กทม.ขณะนี้ มีรถยนต์มีอยู่กว่า 11 ล้านคัน โดยเฉพาะรถเครื่องยนต์ดีเซลที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 2.8 ล้านคัน มีรถจดทะเบียนใหม่เพิ่มขึ้นใน กทม. อีก 6 แสนคัน ขณะเดียวกันตอนนี้มีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่หลายสาย ก็ยิ่งส่งผลให้รถติด ทำให้ค่าฝุ่น PM2.5 ยิ่งรุนแรงขึ้นอย่างแน่นอน


เดือนนี้ จึงเป็นเดือนแห่งความท้าทาย วัดความสามารถในเชิงการบริหารจัดการของภาครัฐด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เนื่องจากประเด็นฝุ่น PM 2.5 มีแผนวาระแห่งชาติตามมติครม.วันที่ 12 ก.พ.62 และมีแผนเฉพาะกิจตามมติครม.วันที่ 23 พ.ย.63 ที่มาจากการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวรองรับอยู่แล้ว สิ่งที่ต้องจับตาดู คือ ในฤดูหนาวนี้ หากปริมาณฝุ่น 2.5 ในเขตกทม.และปริมณฑล รวมทั้งพื้นที่ภาคเหนือตอนบนภาคอีสานและภาคกลางรุนแรง หรือมีค่าสูงกว่า หรือมีจุดความร้อนจากการเผามากกว่าในปี 2562 และ 2563 แสดงว่าการปฎิบัติตามแผนดังกล่าวไม่ดี หรือการทำงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบไม่ได้ผล ซึ่งเท่าที่เกาะติดเรื่องนี้มาโดยตลาด จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ปฏิบัติการเชิงรุกและมีหน่วยงานเจ้าภาพที่แท้จริง ลงมาแก้ปัญหาหรือรับมือกับวิกฤตฝุ่น PM2.5 จากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการเผาในพื้นที่โล่งพื้นที่การเกษตร มาตรการควบคุมควันดำจากรถยนต์ ยังไม่เห็นการบังคับใช้กฎหมาย

และที่น่ากังวลกว่าทุกปี คือ ในช่วงนี้สถานการณ์โควิด-19 ในไทยก็ยังไม่ได้ดีขึ้น และถ้ามีวิกฤติฝุ่น PM2.5 เกิดขึ้นอีก จะยิ่งไปเสริมฤทธิ์กัน ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายมากขึ้น เพราะโควิดทำให้เกิดอาการปอดอักเสบ ทำลายถุงลมปอด ซึ่งเป็นตัวแลกเปลี่ยนออกซิเจนกับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และถ้าหายใจเอาฝุ่น PM2.5 เข้าไปอีก ก็จะไปทะลุถึงลมปอด เข้าไปในเส้นเลือด ไปที่หัวใจและสมอง เกิดการเสริมฤทธิ์กัน จนทำให้เกิดอาการอักเสบทั่วร่างกาย นำไปสู่โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะหัวใจล้มเหลวได้


จึงเรียกร้องให้ รัฐบาลเร่งเตรียมการรับมือ บังคับใช้กฎหมาย และออกมาตรการที่ชัดเจน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่าจะต้องป้องกันตัวอย่างไรและช่วยกันทำอะไรบ้างเพื่อลดผลกระทบจากปัญหานี้ให้น้อยที่สุด เช่นเดียวกับของรัฐบาล ก็ต้องระบุให้ชัดว่าจะทำอะไรบ้าง อีกทั้งควรกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปเฝ้าระวังและช่วยดูแลคนในพื้นที่ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ภรรยาหมอบุญมอบตัว

“ภรรยา-ลูก” หมอบุญ อ้างถูกปลอมลายเซ็น ไม่เคยรู้การกระทำใดๆ

ทนายความภรรยา-ลูก หมอบุญ เผยถูกปลอมลายเซ็นเอกสาร ไม่เคยรับรู้การกระทำใดๆ ของหมอบุญ โดยภรรยาได้หย่าร้างกับหมอบุญ ก่อนปี 66

น้ำผุดเชียงดาว

น้ำใต้ดินผุดท่วมอ่วม “บ้านเรือน-พื้นที่เกษตร” อ.เชียงดาว

มวลน้ำมหาศาลผุดขึ้นจากใต้ดิน เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เกษตร และบ้านเรือนประชาชน หลายหมู่บ้าน ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ระดับน้ำบางจุด ท่วมบ้านเกือบถึงหลังคา พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 400 ไร่

เลือกตั้ง อบจ.

“แสวง” ลงพื้นที่สังเกตการณ์เลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี

“เลขาฯ แสวง” ลงพื้นที่ตรวจรับ-มอบอุปกรณ์เลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี พร้อมสังเกตการณ์เลือกตั้งพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) วอนประชาชนออกมาใช้สิทธิ 8.00-17.00 น.