สธ. 1 ต.ค. – สธ.แจงคิกออฟฉีดวัคซีนให้เด็ก 4 ต.ค. ไม่จำกัดพื้นที่ ขึ้นอยู่กับความพร้อม เบื้องต้นมีเด็กสมัครใจรับวัคซีนแล้ว 71% ย้ำโอกาสเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในเด็กชายมีน้อย แต่ต้องติดตามอาการนาน 30 วัน และในช่วง 7 วัน หลังรับวัคซีน ห้ามออกกำลังกาย ใช้แรง พร้อมไขข้อเท็จจริงเคสเด็กป่วยเบาหวานรับวัคซีน ไม่ได้เสียชีวิตเพราะวัคซีน แต่เพราะค่าน้ำตาลสูง และเกิดขึ้นหลังรับวัคซีน 3 สัปดาห์
นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กล่าวถึงความคืบหน้าการคิกออฟฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับเด็กว่า ในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ จะเริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป โดยกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษาฯ จากการสำรวจจำนวนนักเรียน 5,048,000 คน พบว่า มีเด็กสมัครใจพร้อมฉีด 3,600,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 71 โดยระยะเวลาการรับวัคซีน ระหว่างเข็ม 1 กับเข็ม 2 ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ ทั้งนี้ ไม่ได้จำกัดหรือนำร่องแค่พื้นที่ จ.นนทบุรี แต่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละพื้นที่ ที่ไหนพร้อมก็สามารถเริ่มดำเนินการฉีดได้เลย ไม่จำเป็นต้องเริ่มฉีดในวันเดียวกันหมด
นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ส่วนจัดสรรวัคซีน จะกระจายวัคซีนไปตามยอดที่แจ้งมา แบบค่อยๆ ทยอยจัดส่ง เชื่อว่าไร้ปัญหา เนื่องจากวัคซีนจะเข้ามาเพิ่มอีก 8 ล้านโดส ในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งการจัดฉีดจะใช้โรงเรียนเป็นสถานที่ฉีด และไม่กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการฉีด เพื่อความสะดวก โดยให้โรงเรียนบริหารจัดการกันเอง เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด และมีระบบการติดตามประเมินความเสี่ยงแบบการฉีดในผู้ใหญ่ คือ สังเกตอาการ 30 นาที หลังฉีด โดยวัคซีนไฟเซอร์ เป็นวัคซีนชนิด m-RNA สำหรับความกังวลเรื่องกล้ามเนื้อหัวใจในเด็กชาย พบเกิดขึ้นในอัตราต่ำ แต่หากมีอาการแน่นหน้าอก หายใจเหนื่อยหอบ อ่อนเพลีย เป็นลม ต้องรีบพบแพทย์ทันที โดยในการสังเกตอาการ ต้องมีการติดตามประเมินผลถึง 30 วัน และในช่วง 7 วัน หลังการรับวัคซีน ห้ามออกกำลังกาย ทั้งนี้ คาดว่าการฉีดวัคซีนจะทันก่อนเปิดเทอมแน่นอน สำหรับพื้นที่ที่แจ้งจำนวนนักเรียนสมัครใจเข้ารับวัคซีนมากที่สุด ได้แก่ จ.ภูเก็ต 100% ทั้งนี้ เข้าใจว่าเป็นเรื่องของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ส่วน กทม. มีจำนวนนักเรียนทั้งหมด 420,000 คน มีนักเรียนสมัครใจรับวัคซีน 350,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 85 เช่นเดียวกับ จ.นครศรีธรรมราช ที่มีสัดส่วนนักเรียน 103,000 คน สมัครใจรับวัคซีน 88,000 คน
นพ.เฉวตสรร ยังกล่าวชี้แจงกรณีการติดตามประเมินผลการรับวัคซีนในเด็กกลุ่มเสี่ยงโรคเรื้อรัง ในเด็กชายวัย 12 ปี ป่วยโรคเบาหวานแต่กำเนิด ต้องมีการฉีดอินซูลินเข้าร่างกาย 3 เวลา เป็นคนไข้ของ รพ.รามาธิบดี รับวัคซีนไฟเซอร์ เมื่อวันที่ 12 ก.ค. แล้วเสียชีวิต เมื่อวันที่ 13 ส.ค.นั้น มีความห่างกันถึง 3 สัปดาห์ จากการตรวจชิ้นเนื้อ สาเหตุการเสียชีวิตไม่พบภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ แต่พบว่ามีระดับสารน้ำในลูกตาสูงมาก จึงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับวัคซีน โดยเริ่มมีอาการผิกปกติ เมื่อวันที่ 12 ส.ค. มีคลื่นไส้อาเจียน รับประทานอาหารได้น้อย มือสั่น แต่ไม่มีไข้ ไม่เจ็บหน้าอก. – สำนักข่าวไทย