โกลาหล! กลุ่มผู้ปกครองบุกห้องประชุม รร.สารสาสน์ฯ

นนทบุรี 29 ก.ย. – ที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เป็นไปด้วยความโกลาหล หลังกลุ่มผู้ปกครองเดินทางมารับฟังคำชี้แจงจากตัวแทนโรงเรียนฯ แต่ปรากฏว่าในการหารือไม่ได้เปิดให้ผู้ปกครองเข้าร่วมรับฟัง จึงมีการบุกเข้าไปในห้องประชุม


นี่เป็นภาพกลุ่มผู้ปกครองนักเรียนนับร้อยคนไม่พอใจ เหตุโรงเรียนฯ นัดผู้ปกครองมาประชุมหาทางออก แต่มีเพียงผู้บริหารของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ ประชุมร่วมกันเท่านั้น โดยไม่เชิญผู้ปกครองเข้าร่วมรับฟัง จึงสร้างความไม่พอใจ ก่อนที่ผู้ปกครองจะเดินไปเคาะประตูห้องประชุมให้โรงเรียนฯ เปิดห้อง จากนั้นเมื่อห้องประชุมอีกฝั่งเปิด ผู้ปกครองได้กรูเข้าไปถามถึงปัญหาทั้งหมด ก่อนจะได้รับการบ่ายเบี่ยงว่า ให้ไปสอบถามเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ซึ่งเดินออกไปด้านนอกแล้ว

จากนั้นเวลา 11.40 น. โรงเรียนฯ จึงเปิดห้องประชุมใหญ่ให้ผู้ปกครองและสื่อฯ เข้ารับฟังข้อสรุป โดยมีนายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และนายกมล รอดคล้าย ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมแถลงด้วย รวมทั้งผู้บริหารโรงเรียนฯ บางส่วน


นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ชี้แจงเหตุที่ไม่ได้เชิญผู้ปกครองเข้าร่วม เพราะตนเข้ามาเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้น และจากการตรวจสอบพบโรงเรียนฯ มีปัญหาต้องแก้ไขหลายอย่าง ทั้งเรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมการเรียนที่พบมีการเรียกเก็บปีละ 80,000 บาท (ไม่เกี่ยวกับค่าเทอม) ซึ่งโรงเรียนฯ รับปากว่าจะคืนเงินส่วนเกินให้ผู้ปกครองทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบว่า จำนวนนักเรียนต่อห้องที่กำหนดไว้ต้องไม่เกิน 25 คน แต่โรงเรียนกลับเปิดรับ 34 คน/ห้อง ซึ่งต้องแก้ไขภายใน 15 วัน พร้อมกันนี้จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 12 คน เพื่อตรวจสอบโรงเรียนในเครือสารสาสน์ทั้ง 34 แห่ง ที่ได้รับการร้องเรียน

ต่อมาในเวลา 12.00 น. นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เดินทางมายังโรงเรียนฯ พร้อมเปิดเผยว่า จะให้เลขาธิการคุรุสภา ร้องทุกข์กล่าวโทษผู้บริหารโรงเรียนฯ รวมทั้งครูที่เกี่ยวข้อง กรณีนำคนที่ไม่ถูกต้องมาดูแลเด็กนักเรียน รวมถึงไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู ในวันพรุ่งนี้ (30 ก.ย.) ที่ สภ.ชัยพฤกษ์ และเตรียมส่งหนังสือขอหารือกับนายพิบูลย์ ยงค์กมล ผู้ถือใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนฯ

ด้านตัวแทนผู้บริหารโรงเรียนฯ ย้ำว่าจะปรับโครงสร้างผู้บริหารใหม่ทั้งหมด พร้อมเยียวยาด้านต่างๆ หากผู้ปกครองต้องการนำนักเรียนย้ายออก ก็ยินดีคืนค่าเล่าเรียนในเทอม 1 ของปี 2563 อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองยังคงไม่มั่นใจ และต้องการพบผู้อำนวยการโรงเรียนฯ พร้อมเรียกร้องหามาตรการเยียวยา


ท้ายสุดจากการหารือนานกว่า 4 ชั่วโมง ระหว่างรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการ กช. คณะกรรมการบริหารโรงเรียนฯ และผู้ปกครอง นานเกือบ 4 ชั่วโมง จึงได้ข้อสรุปว่า โรงเรียนฯ ยอมรับ 7 ข้อเสนอ จากทั้งหมด 14 ข้อเสนอ โดยพร้อมจะดำเนินการทันที ประกอบด้วย

  1. ผู้ปกครองจะเข้าถึงกล้องวงจรปิด ทั้งที่อยู่ในห้องนอน ห้องน้ำ และห้องเรียนได้ แต่ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองของนักเรียนในห้องด้วยกันเอง โดยโรงเรียนจะจัดการเรื่องนี้ภายใน 10 วัน
  2. โรงเรียนฯ จะจัดนักจิตวิทยาเข้าเยียวยาสภาพจิตใจ และประเมินระดับจิตวิทยาทุก 6 เดือน คาดว่าดำเนินการได้ในสัปดาห์หน้า
  3. ปรับปรุงคุณภาพอาหารกลางวันใหม่ให้เหมาะสมและเป็นไปตามตารางที่ได้แจ้งไว้กับผู้ปกครอง และขยายเวลารับประทานอาหาร 40 นาที
  4. ปรับปรุงความสะอาดห้องน้ำ ห้องเรียน อุปกรณ์การเรียนการสอน และระบบสาธารณูปโภค
  5. ปรับปรุงรถโรงเรียนให้ได้มาตรฐาน เนื่องจากผู้ปกครองร้องเรียนว่า รถกับจำนวนนักเรียนไม่เพียงพอ และมีรายงานรถโรงเรียนขับเร็ว
  6. จัดเวลาดื่มน้ำและเข้าห้องน้ำของเด็กทุกๆ 2 ชั่วโมง เพราะมีกรณีเด็กเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบและท้องผูก
  7. จัดประชุมผู้ปกครองทุกปีการศึกษา เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ

สำหรับข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการชดเชยค่าเสียเวลาและค่าน้ำมันของผู้ปกครองในการเดินทาง ค่าทำขวัญนักเรียน รวมทั้งค่าเทอมสำหรับนักเรียนที่ตัดสินใจเรียนต่อ ยังไม่ลงตัว โดยเอกสารและข้อเรียกร้องอื่นๆ จะนำเข้าหารือกับผู้มีอำนาจตัดสินใจของโรงเรียนฯ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่กระทรวงศึกษาธิการ ในวันพรุ่งนี้ (30 ก.ย.)

สอบถามผู้กำกับการ สภ.ชัยพฤกษ์ เปิดเผยว่า กล้องวงจรปิดทั้งหมดได้อายัดไว้ที่ สภ.ชัยพฤกษ์ ทั้ง 2 เซิร์ฟเวอร์ โดยตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและแคปเจอร์ภาพทั้งหมด ซึ่งผู้ปกครองสามารถไปขอดูภาพได้ และให้ช่วยตรวจสอบด้วย ส่วนคืบหน้าคดีในภาพรวม “ครูจุ๋ม” และ “ครูเปิ้ล” เข้ารับทราบข้อหาแล้ว “ครูนิด” เตรียมเข้ารับทราบข้อหาพรุ่งนี้ ขณะที่ “ครูมาวิน” ถูกส่งฟ้องและศาลสั่งปรับแล้ว เตรียมอายัดตัวมาดำเนินคดีอาญา

สำหรับโรงเรียนในเครือสารสาสน์ จัดตั้งขึ้นโดยบริษัท แสงเงินพัฒนาการ จำกัด โดยมีนายพิบูลย์ ยงค์กมล เป็นกรรมการผู้ลงนาม แรกเริ่มมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท เมื่อปี 2524 ล่าสุดมีรายได้รวมในปี 2562 ทั้งสิ้น 1,452 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิประมาณ 367 ล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์รวมมีประมาณ 7,157 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์เกี่ยวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประมาณ 5,000 ล้านบาทเศษ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่น

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่นคนอายุ 60+ ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ว

“จิรายุ” ย้ำเงินหมื่นเฟส 2 มอบคนอายุ 60+ รัฐบาลพร้อมโอนไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้ว วันจันทร์ที่ 27 ม.ค.นี้ แน่นอน สามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ววันนี้ ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟน ฝากลูกหลานช่วยด้วย

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือนายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข