เปิดตัวระบบ iSEE 2.0 นวัตกรรมลดความเหลื่อมล้ำการศึกษา

กรุงเทพฯ 31 ก.ค..-กสศ.เปิดตัวระบบ iSEE 2.0 นวัตกรรมลดความเหลื่อมล้ำการศึกษา เครื่องมือเอ็กซเรย์ข้อมูลระดับพื้นที่ในทุกมิติ ช่วยทำให้สังคมไทยมองเห็นเด็กทุกคนในประเทศ


กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เปิดตัวระบบ “iSEE 2.0 นวัตกรรมสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา” เครื่องมือสำคัญที่ทำให้การช่วยเหลือไปถึงเด็กๆได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ ตรงตามสภาพปัญหาอย่างแท้จริง พร้อมจัดเวทีเสวนา “EdTech และการขับเคลื่อนสังคมด้วยข้อมูล (Data Activism) กรณีศึกษาระบบ iSEE กับการระดมความร่วมมือเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา

ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า กสศ.ได้วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (Information System for Equitable Education : iSEE) เป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (BIG Data) รายบุคคล ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายเยาวชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสมากกว่า 4 ล้านคนโดยเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับของ 6 กระทรวง คือ ศึกษาธิการ คลัง มหาดไทย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แรงงาน และสาธารณสุข รวมถึงข้อมูลจากระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อที่จะช่วยให้ผู้ทำนโยบาย “มองเห็น” สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำได้ชัดเจนทุกพื้นที่ทั่วประเทศ


ระบบ iSEE จะช่วยยกระดับการค้นหา คัดกรองเด็กเยาวชนทั้งในและนอกระบบการศึกษาอย่างละเอียด โดยจะสำรวจตั้งแต่ระดับ ภูมิภาค จังหวัด อำเภอ ตำบล โรงเรียน จนถึงรายบุคคล ทำให้ติดตามสถานการณ์การศึกษา อัตราการมาเรียน รายได้เฉลี่ยครัวเรือน และการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กในอนาคต ฯลฯ เพื่อที่จะให้ความช่วยเหลือได้เข้าถึงตัวเด็กอย่างทันท่วงที

“จุดเด่นของระบบ iSEE คือ การแสดงข้อมูลสุขภาวะและทุพโภชนาการของเด็ก ข้อมูลสถานะครัวเรือนและสวัสดิภาพของเด็ก ข้อมูลการเดินทางไปโรงเรียน สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของโรงเรียน เช่น จากการประมวลผล พบปี 2562 มีนักเรียนในระบบการศึกษาหายไปครึ่งหนึ่งหลังจบ ม.3 ยังพบว่า 3 จังหวัด ได้แก่ ตาก กรุงเทพ แม่ฮ่องสอน มีเด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษามากที่สุด” รองผู้จัดการ กสศ.กล่าว

ดร.ไกรยส กล่าวว่า กสศ.ต้องการจัดทำระบบ iSEE ให้เป็น user- centered data Visualization Tools หรือนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนในรูปแบบที่ง่ายและสอดคล้องกับการใช้จริงของภาคีเครือข่าย ในการทำให้สังคมไทยมองเห็นเด็กทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ผ่าน 5 เป้าหมายหลัก ได้แก่ 1) มีระบบสารสนเทศที่เชื่อมโยงฐานข้อมูลในหลายกระทรวง 2) Virtual Live ข้อมูล ให้เป็น user center design มีการทำกราฟ/ตารางที่ง่ายต่อการใช้งาน เพื่อนำไปแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมได้อย่างง่าย 3) ปฏิรูปกระบวนการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เช่น การระดมทุน หรือ การจัดค่ายอาสาพัฒนาชนบท ที่สามารถมองเห็นเด็กหรือโรงเรียนได้ชัดมากที่สุด 4) ขับเคลื่อนทรัพยากรและเครือข่ายในสังคมเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา 5) สนับสนุนผู้ที่ต้องการเป็นนักวิจัย start up ผู้ประกอบการทางสังคม และสื่อมวลชน ให้มีพลังในการขับเคลื่อนวาระทางสังคมมากขึ้น ด้วยข้อมูลที่ทันสมัย เพื่อช่วยกันลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้ทุกที่ ทุกเวลา นอกจากนี้ระบบ iSEE ยังมีระบบการตอบกลับที่เป็นวงจร สามารถนำข้อมูลกลับมารายงานได้ว่ามีจำนวนเด็กที่ได้รับการช่วยเหลือ เด็กที่จบการศึกษา รวมถึงเด็กที่ได้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาแล้วกี่คน ทั้งนี้ กสศ. หวังว่าระบบ iSEE จะมีผู้ใช้งานเข้ามาใช้ฐานข้อมูลของเราอย่างต่อเนื่องจนเกิดความยั่งยืน เพื่อให้กรอบการทำงานระยะยาวของ กสศ. ที่มองว่า Data เป็นการทำงานเชิงยุทธศาสตร์นำไปสู่ความเสมอภาคทางการศึกษาในอนาคต


นายเรืองโรจน์ พูนผล หรือ “กระทิง” ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ในฐานะมือปั้น Startup มือหนึ่งของไทย กล่าวถึง ed tech และการขับเคลื่อนสังคมด้วยข้อมูล ว่าฐานข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการแจ้งเกิดสตาร์ทอัพ และระบบisee 2.0 ของกสศ.ทำให้เราทราบว่า จะต้องพัฒนาระบบที่สตาร์ทอัพ สามารถนำไปใช้ได้ และแก้ปัญหาได้ตรงจุด อยากชวน สตาร์ทอัพ มาใช้ข้อมูล isee 2.o เพื่อจะได้ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ได้ช่วยเหลือสังคม และช่วยเหลือสตาร์ทอัพให้วิเคราะห์ได้ถูกต้อง

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ “ไอติม” ผู้ก่อตั้ง startdee เน็ตฟลิกซ์แห่งวงการการศึกษาไทย กล่าวว่า สตาร์ทดีต้องขอบคุณ กสศ. เพราะหลายเรื่องต้องตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลของ กสศ. ทั้งสตาร์ทดีและกสศ. มีเป้าหมายต้องการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ปัจจุบันเด็กไทยเจอความเหลื่อมล้ำ2 ตลบ ตลบแรกเป็นคุณภาพการเรียนการสอนในแต่ละโรงเรียนที่ไม่เท่ากัน ตลบที่2 คือ ช่องทางการเรียนนอกห้องเรียน ก็ถูกปิดกั้นด้วยวัฒนธรรมการเรียนพิเศษที่ราคาค่อนข้างสูง สิ่งที่เล็งเห็นคือสัดส่วนเด็กไทยที่เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพจึงไม่สูงมาก ซึ่งการใช้งานระบบ iSEE สามารถนำข้อมูลโรงเรียนของนักเรียนที่มาใช้แอปพลิเคชั่นไปจับคู่กับข้อมูลใน iSEE ดูว่าโรงเรียนนี้มีสัดส่วนเด็กยากจนมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเมื่อรู้กลุ่มเป้าหมาย ก็ทำให้สามารถออกแบบการเรียนรู้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย เพราะเรารู้ว่าเรากำลังช่วยเหลือใครอยู่ ทำให้สามารถต่อยอดได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากระเบิดกัมพูชา ทำพิธีลอยอังคาร

ชลบุรี 24 ส.ค. – 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวดตกใส่ ทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณกลางอ่าวสัตหีบ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดของกัมพูชา เมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม ประกอบด้วย ครอบครัวประชัน ซึ่งสูญเสียนางสาวรุ่งรัศ เด็กหญิงทักษพร และเด็กชายพงศภัค ครอบครัวเด็กชายกิตติศักดิ์ คำวัง ครอบครัวนางสาวอรุณรัตน์ วันศรี ครอบครัวนายสมศรี ลาภบุญ และครอบครัวนางสาวสาวิตรี อ่อนทรวง นำอัฐิผู้เสียชีวิต เดินทางจากจังหวัดศรีสะเกษ มายังกองเรือยุทธการ ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก สนับสนุนที่พัก รวมทั้ง จัดเรือกร.702 นำครอบครัวผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกลางอ่าวสัตหีบ พิธีเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมเกียรติ ทุกคนต่างบอกว่า แม้จะผ่านมา 1 เดือน แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะครอบครัวประชัน ที่ต้องภรรยาและลูกอีก 2 คนไปพร้อมกัน.-สำนักข่าวไทย

ทบ. ตรวจสอบสาเหตุพลทหารเสียชีวิตที่ปราสาทตาเมือนธม

24 ส.ค. – กองทัพบกได้รับรายงานการเสียชีวิตของกำลังพลบริเวณปราสาทตาเมือนธม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุ พร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาตามสิทธิอย่างครบถ้วน กองทัพบกขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของ พลทหาร พิทยุตท์ โสดา กำลังพลสังกัด กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 เวลา 18.15 น. โดยพบร่างผู้เสียชีวิตภายในห้องสุขา บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ พลทหารพิทยุตท์ โสดา อายุ 20 ปี เป็นทหารกองประจำการ รุ่นปี 1/67 จากการสมัครใจเข้ามารับราชการในโครงการพลทหารออนไลน์ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง พลปืนเล็ก หมู่ปืนเล็กที่ 2 หมวดปืนเล็กที่ 1 สังกัด กองร้อยทหารราบที่ 211 กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 จากการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้เสียชีวิตไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีประวัติเสพยาเสพติด ไม่มีภาวะความเครียด […]

แจงปมเลขบัตรประชาชน “หลวงพ่ออลงกต” ซ้ำคนตาย

กทม. 24 ส.ค.-กรมการปกครอง แจงปม “เลขประจำตัวประชาชน” หลวงพ่ออลงกต ซ้ำกับคนตาย ส่วนการเปิดพร้อมเพย์ เลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ตาย ซึ่งตรงกับบัญชีกองทุนอาทรประชานาถ เป็นการดำเนินการโดยธนาคารพาณิชย์ กรณีมีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งมีชื่อเดิมว่า นายอลงกต พูลมุข มีชื่อซ้ำกับ นายอลงกต พลมุข ที่มีภูมิลำเนาที่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา และได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น รวมทั้งวันเดือนเกิดยังตรงกัน ต่างกันเพียงปีเกิด ล่าสุดเฟซบุ๊ก กรมการปกครอง fanpage ได้โพสต์ข้อความถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า “กรมการปกครอง ชี้แจงกรณีเลขบัตรประจำตัวประชาชนของหลวงพ่ออลงกต ตามที่ปรากฏข้อมูลจากสื่อมวลชนว่า ‘หลวงพ่ออลงกต มีเลขประจำตัวประชาชนตรงกับนายอลงกต พลมุข ซึ่งเป็นบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว’ นั้น สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ได้ตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง พบว่า พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ หลวงพ่ออลงกต เลขประจำตัวประชาชน x-xxxx-xxx036-50-7 ชื่อจริง อลงกต พูลมุข นามสกุล พูลมุข มีสระอู เกิดปี […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]