กรุงเทพฯ 18 ธ.ค. – เฝ้าระวังเข้มสถานการณ์ฝุ่นในโรงเรียน กทม. ประสานเครือข่ายภายนอกร่วมขยายห้องเรียนปลอดฝุ่น
นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยความคืบหน้าการทำห้องเรียนปลอดฝุ่นสำหรับห้องเรียนอนุบาล ในสังกัดกรุงเทพมหานครว่า แนวทางทำห้องเรียนปลอดฝุ่น หัวใจสำคัญ คือการทำห้องเรียนให้เป็นระบบปิดโดยการกรุช่องเปิดแล้วติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เพิ่มเติมเครื่องฟอกอากาศ และใช้นวัตกรรมทำห้องปลอดฝุ่น ปัจจุบัน กทม.มีห้องเรียนชั้นอนุบาล 429 โรงเรียน จำนวนทั้งหมด 1,743 ห้อง เป็นห้องเรียนที่มีเครื่องปรับอากาศ 162 โรงเรียน 758 ห้อง คิดเป็น 43.5% ไม่มีเครื่องปรับอากาศ 267 โรงเรียน 985 ห้อง คิดเป็น 56.50%
ทางสำนักงานเขตได้หารือกับเครือข่ายในพื้นที่ที่ประสงค์ร่วมสนับสนุนทำ CSR เพื่อจัดทำห้องเรียนที่เหลือเพิ่มเติม โดยล่าสุดรับความร่วมมือจากไทยพีบีเอสทำห้องเรียนสู้ฝุ่น 36 โรงเรียน อย่างไรก็ตาม ต้องทำคู่ขนานกันไปคือการสร้างความตื่นตัว และขณะนี้กำลังจัดทำหลักสูตรเกี่ยวกับเรื่องฝุ่นเป็นส่วนหนึ่งด้านภัยพิบัติที่เด็กต้องเรียนรู้ เช่นเดียวกับเรื่องภัยอื่น ๆ เพื่อให้เด็ก ๆ มีความตื่นตัวในการใช้ชีวิตในเมือง
รองผู้ว่าฯ กทม. ย้ำว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่โรงเรียน กทม.ต้องเฝ้าระวังเข้มข้น โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการและรายงานผู้บริหารทุกเช้า ซึ่งหลายโรงเรียนได้ทำการปักธงสีแจ้งเตือนตามระดับของฝุ่น และกำชับไม่ให้มีการทำกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่ค่าฝุ่นสูง เช่น ยกเลิกเข้าแถวในช่วงค่าฝุ่นเป็นสีส้ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กเล็ก หรือผู้มีโรคประจำตัว หรือป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ และให้เด็กเข้ามาอยู่ในห้องปลอดฝุ่น หรือห้องที่เป็นระบบปิด หากสถานการณ์ฝุ่นมีความรุนแรงติดต่อกันก็เป็นอำนาจของผู้อำนวยการโรงเรียนที่จะพิจารณาสั่งหยุดเรียนชั่วคราวเพื่อให้เด็กเรียนทางออนไลน์ได้
ทั้งนี้ สำนักการศึกษาได้รายงานในที่ประชุมคณะผู้บริหาร กทม. คาดว่าในปีการศึกษา 2567 จะสามารถทำห้องเรียนปลอดฝุ่นสำหรับห้องเรียนอนุบาล (1 -3 ขวบ) เพิ่มเติมได้อีกอย่างน้อย 191 โรงเรียน 191 ห้อง สำนักการศึกษาได้รับงบประมาณ ปี 67 ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนจัดหาเครื่องฟอกตามกระบวนการ e – bidding อย่างไรตาม ในส่วน 985 ห้องเรียนที่เหลือนั้น สำนักงานเขตจะเร่งรัดมีการปรับปรุงกายภาพของห้องเรียนให้เป็นระบบปิด จัดหาเครื่องปรับอากาศส่วนที่มีความจำเป็นน้อยมาใช้ในห้องปลอดฝุ่น และประสานภาคเอกชนสนับสนุนเครื่องปรับอากาศต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย