กรุงเทพฯ 5 มี.ค. – กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะประชาชน เข้าวัด ทำบุญตักบาตร ถวายอาหารเพล ด้วยเมนูชูสุขภาพ ลดหวาน มัน เค็ม ลดของทอด และอาหารที่มีไขมันสูง รวมทั้งลดเครื่องปรุงที่ไม่จำเป็น เน้นผัก ผลไม้ หวานน้อย เพื่อสุขภาพที่ดีของพระสงฆ์
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า วันที่ 6 มีนาคม 2566 เป็นวันมาฆบูชา ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และเป็นวันพระใหญ่ ประชาชนส่วนใหญ่จะนิยมไปวัดเพื่อทำบุญตักบาตร กรมอนามัยจึงขอแนะนำให้ประชาชนเลือกอาหารสุขภาพในการตักบาตร ถวายอาหารเพล โดยเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ครบ 5 หมู่ และมีความหลากหลาย เน้นอาหารที่เป็นเมนูชูสุขภาพ ลดหวาน มัน เค็ม โดยเลือกใช้ข้าว/แป้งที่ผ่านการขัดสีน้อย เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต อาหารประเภท ปลา เต้าหู้ ไข่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ รวมทั้งเลี่ยงเมนูอาหารกะทิ และอาหารทอด โดยเปลี่ยนเป็นอาหารประเภทต้ม นึ่ง ยำ อบ ลวก น้ำพริก ลดอาหารหวานจัดและอาหารหมักดอง รวมถึงตักบาตรด้วยผักผลไม้หลากหลายชนิดและสี ตามฤดูกาล นมจืด นมพร่องมันเนย โยเกิร์ตรสธรรมชาติ น้ำเปล่า และน้ำปานะหวานน้อย เพราะพระภิกษุสามเณรไม่สามารถเลือกสิ่งของที่จะนำมาตักบาตรถวายได้ จึงควรพิจารณาของที่ถวายให้เหมาะสมแก่พระภิกษุสามเณรด้วย การนำอาหารที่มีแป้ง น้ำตาล ไขมัน และกะทิ ที่ให้พลังงานสูงทำบุญตักบาตร จะส่งผลให้เกิดการสะสมไขมันส่วนเกิน เพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพพระสงฆ์ จากการสำรวจพฤติกรรมสุขภาพพระสงฆ์ ปี พ.ศ. 2565 จำนวน 18,496 รูป พบว่า พระสงฆ์มีพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ เพียงร้อยละ 25.58 ส่งผลให้พระสงฆ์ป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือดและภาวะไขมันในเลือดสูง
นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า กรณีถวายอาหารแห้ง อาหารกระป๋อง ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีเครื่องหมาย อย. สถานที่ผลิต วันเดือนปีที่ผลิต และวันเดือนปีที่หมดอายุ ลักษณะของกระป๋องต้องไม่บวม ไม่บุบ ตะเข็บกระป๋องต้องไม่มีรอยรั่วและไม่เป็นสนิม หรือเลือกซื้ออาหาร เครื่องดื่มที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice) สำหรับประชาชนหรือผู้สูงอายุ หากไม่สะดวกเดินทางไปทำบุญหรือปฏิบัติธรรมที่วัด หรือสถานปฏิบัติธรรม สามารถเปลี่ยนมาทำบุญผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น ทำบุญผ่าน QR Code (e-Donation) หรือไหว้พระสวดมนต์ และนั่งสมาธิที่บ้านได้. – สำนักข่าวไทย