22 ธ.ค. – กรมการแพทย์แผนไทยฯ ร่วมกับ สน.ลุมพินี ลงพื้นที่กวนขัน จับกุม ผู้ประกอบการ รถเร่ แผงลอย กรณีจำหน่ายช่อดอกกัญชา ย่านถนนสุขุมวิท ซอย 11 พบผู้กระทำผิดกฎหมาย ตามประกาศ สธ. เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565 จำนวน 2 ราย พร้อมเร่งดำเนินคดีโดยทันที ย้ำขอให้ผู้ประกอบการธุรกิจกัญชาดำเนินการทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อช่วยกันคุมการใช้กัญชาในสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ
นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมด้วย นพ.เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีฯ, ดร.นันทศักดิ์ โชติชนะเดชาวงศ์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้านไทย, นายวรพจน์ ภู่จินดา ผู้อำนวยการกลุ่มกฎหมายและจริยธรรม ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปนาถพล ปุณศรี รอง ผบก.น.5, พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี, พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ ผกก.สส.บก.น.5 และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่ถนนสุขุมวิท ซ.11 และบริเวณใกล้เคียง ภายใต้ความรับผิดชอบ สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จากกรณีมีประชาชนร้องเรียนรถเร่ แผงลอย จำหน่ายช่อดอกกัญชา ก่อความรำคาญ รบกวน ประชาชน ในพื้นที่ดังกล่าว
นพ.ธงชัย กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ทางกรมฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมดำเนินการตรวจ สำรวจ พร้อมยึดอายัด ผู้กระทำความผิด หรือฝ่าฝืนกฎหมายในเบื้องต้น ได้มีการตรวจใบอนุญาตประกอบกิจการ/ร้านค้าต่าง ๆ ว่าจำหน่ายกัญชาได้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพื่อกำกับติดตามให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับใหม่ล่าสุด เรื่อง “สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565” พบร้านจำหน่ายช่อดอกกัญชา จำนวน 2 ราย เป็นผู้กระทำผิดชัดเจน จำแนกเป็นรถเร่ 1 ราย กระทำการจำหน่ายสมุนไพรควบคุม (กัญชา) จำหน่ายช่อดอก โดยไม่ได้รับอนุญาต และยังพบว่าแสดงใบอนุญาตเข้าข่ายเป็นเท็จเนื่องจากรถเร่ดังกล่าวไม่สามารถให้การอนุญาตได้อีก 1 ราย พบเป็นแผงลอย ริมถนน จำหน่ายช่อดอกกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต (แผงลอย ไม่สามารถให้การอนุญาตได้ เนื่องจากมีที่อยู่ไม่แน่นอน) ทั้งนี้พนักงานเจ้าหน้าที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้แจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจ ยึด อายัดของกลาง สั่งปิด พร้อมส่งเจ้าพนักงานตำรวจดำเนินการจับกุมดำเนินคดี ตามขั้นตอนกฎหมาย ณ สน.ลุมพินี โดยเจ้าพนักงานตำรวจ ตั้งวงเงินประกัน รายละไม่เกิน 10,000 บาท เพื่อนำส่งฟ้องศาลแขวงใกล้พื้นที่ ดำเนินการตามลำดับถัดไป
ส่วนอีก 1 ราย เป็นร้านค้าประกอบกิจการชัดเจน มีใบอนุญาตแสดงไว้ในที่เปิดเผย ตามเงื่อนไขในใบอนุญาต และรายที่ 4 เป็นร้านขนาดใหญ่ ตรวจสอบแล้ว พบว่าได้รับอนุญาตจำหน่าย แต่มิได้แสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผยชัดเจน เข้าข่ายผิดเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาต จำเป็นต้องมีคำสั่งทางปกครอง จนกว่าจะดำเนินการถูกต้อง ครบถ้วน ชัดเจน ตามกฎหมายกำหนด
นพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 ฉบับล่าสุด ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 จึงมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประกาศฉบับนี้มีการปรับปรุงประกาศให้เหมาะสมกับการใช้กัญชาให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะช่อดอกต้องไม่นำไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ของการคุ้มครองและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากสมุนไพร ในส่วนที่เป็นข้อห้ามของประกาศดังกล่าว ที่มีความชัดเจน คือ ห้ามจำหน่ายให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร ห้ามจำหน่ายให้กับนักเรียน นิสิต หรือนักศึกษา ห้ามให้บริการสูบกัญชาในสถานประกอบการทั่วไป ห้ามจำหน่ายเพื่อการค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ห้ามโฆษณากัญชาในทุกช่องทางเพื่อการค้า และห้ามสูบกัญชาในสถานที่ต้องห้าม เช่น วัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก เป็นต้น การกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 46 กรณีจำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุม โดยมิได้รับอนุญาต มีบทกำหนดโทษเป็นไปตามมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 ระบุโทษ จำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นพ.ธงชัย ได้กล่าวย้ำเตือนว่า “การดำเนินการครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงกฎหมายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2565 บังคับใช้จริง สำหรับผู้ฝ่าฝืนหรือกระทำความผิด ต้องมีโทษตามกฎหมาย จึงขอย้ำไปยังผู้ประกอบการทุกคน ดำเนินการให้ถูกต้องตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อร่วมกันควบคุมกัญชาในสังคมให้มีประสิทธิภาพ ต่อไป. -สำนักข่าวไทย