รู้จัก “โครเก็ตพะแนงแพลนต์เบส” อาหารเอเปค

กรุงเทพฯ 5 พ.ย. – “โครเก็ตพะแนงแพลนต์เบส” เป็นเมนูอาหารว่างที่คิดค้นสูตรโดยทีมลูกชะมวง มีคณะอาจารย์และนักศึกษา แผนกคหกรรมและโภชนาการ วิทยาลัยเทคนิคระยอง ร่วมกันรังสรรค์คิดค้นสูตรนี้ขึ้นมา ด้วยการผสมผสานโครเก็ต อาหารว่างของฝรั่งเศส เข้ากับพะแนง ซึ่งเป็นเมนูอาหารไทย


โดยวัตถุดิบหลักในการทำ “โครเก็ตพะแนงแพลนต์เบส” ประกอบด้วย โปรตีนทดแทนเนื้อสัตว์ที่มีโปรตีนสูง ขนุนอ่อน ธัญพืช ข้าวหอมมะลิ ถั่วลูกไก่ ถั่วขาว ข้าวโพดข้าวเหนียว อะโวคาโด และน้ำตาลโตนด

นางสาวมานิดา หยาดทอง อาจารย์หัวหน้าแผนกคหกรรมและโภชนาการ วิทยาลัยเทคนิคระยอง บอกว่า การคิดค้นเมนูโครเก็ตพะแนงแพลนต์เบส ขึ้นครั้งนี้ถือหลักแนวคิดเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ โดยเฉพาะวัตถุดิบที่ใช้เป็นผลิตผลทางเกษตรของเกษตรกรในจังหวัดระยอง จากการปลูกพืชหมุนเวียนของเกษตรกร อาทิ มันเทศ ถั่วลิสง ข้าวโพด นำมาผสมผสานให้เป็นฟิวชั่นโครเก็ต อาหารว่างของฝรั่งเศส จนได้เป็นเมนูโครเก็ตพะแนงแพลนต์เบส ในรูปแบบไฟน์ ดินนิ่ง ที่นำมันเทศมาใช้แทนมันฝรั่ง และใช้โปรตีนทดแทนจากขนุน เห็ด ธัญพืช และข้าวหอมมะลิไทย มาทำโครเก็ตราดด้วยซอสพะแนงชุ่มฉ่ำ ที่ให้รสอร่อย กรอบนอก นุ่มใน มีโปรตีนสูงจากธัญพืชที่หลากหลาย มีสารต้านอนุมูลอิสระเบตาแคโรทีนสูง


ส่วนขั้นตอนการทำโครเก็ตพะแนงแพลนต์เบส เริ่มจากการนำวัตถุดิบหลัก ซึ่งมีมันเทศ ถั่วลิสง หรือข้าวโพด นำมาผสมคลุกเคล้าให้เข้ากับเครื่องแกงของพะแนง นำมาปั้นเป็นลูกกลมๆ คลุกเกล็ดขนมปัง รวมทั้งใบมะกรูด ใบโหระพา ก่อนจะนำไปทอดในน้ำมันมะพร้าว จากนั้นนำขึ้นมาราดด้วยซอสพะแนงที่ทำจากการเคี่ยวกระทิเข้ากับพริกแกง น้ำตาล ถั่วลิสง จนเป็นเนื้อเดียวกัน กลายเป็น “โครเก็ตพะแนงแพลนต์เบส” ลงจานภาชนะและตกแต่งด้วยดอกไม้ที่กินได้ พร้อมเสิร์ฟ

“โครเก็ตพะแนงแพลนต์เบส” ผลงานการคิดค้นสูตรเมนูอาหารของอาจารย์และนักศึกษา แผนกคหกรรมและโภชนาการ วิทยาลัยเทคนิคระยอง ถือเป็นหนึ่งสุดยอดเมนูที่ได้รับคัดสรรเพื่อเตรียมนำเสิร์ฟเป็นอาหารว่างแก่คณะผู้นำประเทศต่างๆ ในการประชุมเอเปคที่จะมีขึ้นในกลางเดือนนี้ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และถือเป็นความภาคภูมิใจอีกชิ้นหนึ่งของวิทยาลัยเทคนิคระยอง ที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในงานการประชุมระดับภูมิภาคและระดับโลกในครั้งนี้

ก่อนหน้านี้มีการประกวดสตาร์ทอัพด้านอาหารอนาคต ภายใต้แคมเปญ “Plate to Planet จานนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม” เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อมและศักยภาพด้าน Soft Power อาหารไทย ในนิทรรศการ APEC Future Food for Sustainability


เมนูอาหารอนาคตจากตัวแทนของผู้เข้ารอบ 21 ทีม เป็นเมนูที่มาจากภูมิปัญญาท้องถิ่น เมนูเสริมสุขภาพ และเมนูอาหารที่ใช้นวัตกรรมเพิ่มคุณค่าและมูลค่าของวัตถุดิบที่มาจากประเทศไทย รวมทั้งยังรักษาสิ่งแวดล้อม อาทิ 8 เมนูนี้ ข้าวถั่วลูกไก่ยำปักษ์ใต้ผัก 5 สี โปรตีนสูง, ราเมงจากเส้นโปรตีนไข่ขาว ไร้แป้ง เหมาะกับคนรักสุขภาพ, ไอศกรีมปราศจากนม เพิ่มรสชาติด้วยผักเคล และเสาวรส, ห่อหมกวีแกนเพื่อสุขภาพ, ขนมชั้นสูตรลดน้ำตาลเสริมใยอาหารและโพรไบโอติกส์, โครเก็ตพะแนงแพลนต์เบส, ก๋วยเตี๋ยวจากเพรียงทราย โซเดียมต่ำ ภูมิปัญญาชุมชน, ไอศกรีมจากโปรตีนจิ้งโกร่ง

นำสุดยอดอาหารของไทยรับรองผู้นำเอเปค
ส่วนงานเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการ (Gala Dinner) เมนูอาหารและเครื่องดื่มสำหรับผู้นำเขตเศรษฐกิจ และคู่สมรส นำเสนอโดยเชฟชุมพล แจ้งไพร จะมีความสอดคล้องกับแนวคิดหลักของการเป็นเจ้าภาพเอเปคของประเทศไทย ได้แก่ 1.Open เปิดประสบการณ์อาหารไทยในทุกมิติ นำเสนอรสชาติที่กลมกล่อม ประกอบด้วย 8 รสชาติ ได้แก่ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด ปร่า ขม และจืด 2.Connect คัดสรรวัตถุดิบจากแหล่งผลิตท้องถิ่นทั่วประเทศไทย รวมทั้งที่ได้ขึ้นทะเบียน “สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์” เพื่อนำเสนอความอุดมสมบูรณ์ของไทยที่เป็นครัวของโลก และ 3.Balance การรักษาสมดุลระหว่างธรรมชาติและการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทย ผ่านการน้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ซึ่งประเทศไทยได้นำเป็นแนวทางเพื่อสร้างหุ้นส่วน เพื่อเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

เชฟชุมพล บอกว่าวัตถุดิบที่ใช้จะเป็นของไทยทั้งหมดมาจากทั่วประเทศ เพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ใช้แนวคิด BCG โมเดล โดยแขกวีไอพีที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงมีประมาณ 400 คน มีอาหาร 4 คอร์ส ซึ่งมีอาหารขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักของไทย ทั้งข้าวซอย ต้มข่าไก่ ต้มยำ ขนมหม้อแกงเผือกภูเขา ผักจากโครงการหลวง ไข่ปลาคาเวียร์จากโครงการหลวง ดอยอินทนนท์ เนื้อจากโพนยางคำ ปลากุเลาจากตากใบ รวมถึงเครื่องดื่มเป็นไวน์ไทยจากเขาใหญ่ โดยจะมีแพลนต์เบส สำหรับแขกที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ใช้ทีมงานทั้งหมด 300 คน ในการรังสรรค์เมนูต่างๆ

โดยการประชุมเอเปค 2022 เป็นการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก กำหนดจัดขึ้นในประเทศไทย ตลอดทั้งปี พ.ศ. 2565 ซึ่งการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน ภายใต้คำขวัญ “เปิดกว้าง-สร้างสัมพันธ์-เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” หรือ Open Connect Balance โดยสถานที่จัดงานคือ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเล็ก​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “มทภ.2” ยึดรอบคอบ

11 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” แต่ต้องพิจารณารอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการทหาร ของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2  โดยยืนยันว่า รับฟังกระแสเรียกร้องดังกล่าว ที่มีมาจากคนไทยที่รักประเทศ และห่วงใยในสถานการณ์ หลังการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่งผ่านไป ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่ารับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรี่องนี้ ยืนยันว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาภาพรวมขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าเติบโตต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสถานการร์การสู้รบ ทั้งแม่ทัพภาค 2 เอง และผู้บังคับบัญชาระดับรอง ต่างก็ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง และมีความสามารถทั้งหมด นักวิชาการไม่เห็นด้วยปมต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” ผศ. ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสท์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องการขอเสนอการต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปนั้น ตนไม่เห็นด้วย ขอให้วางใจวางสติให้ดี ว่าเราต้องไม่ตกหลุมกับดักของคนภายในและภายนอก […]