ภูมิภาค 4 ส.ค.- หลายพื้นที่ประสบภัยธรรมชาติอย่างหนัก โดยภาคเหนือได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลาก ต้องช่วยเหลือนักท่องเที่ยวตกค้างกว่า 30 คน ขณะที่ลำปางน้ำเริ่มลดแล้ว ส่วนภาคใต้ฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง ต้นไม้ล้มทับบ้านเสียหาย เจ้าของบ้านรอดหวุดหวิด ส่วนอีกรายทับวัวดับ 1 สาหัส 1 ตัว
ช่วยนักท่องเที่ยวติดค้างจากน้ำป่าเชียงใหม่
ถนนสายเชียงใหม่-เชียงราย ซึ่งถูกน้ำป่าพัดตัดขาดเป็นวันที่ 3 ยังไม่สามารถใช้การได้ เจ้าหน้าที่เร่งกู้ถนน และช่วยนักท่องเที่ยวที่ตกค้างที่อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้อีก 36 คน โดยขนอาหารและน้ำดื่มขึ้นรถแบ็กโฮขับข้ามลำน้ำแม่กวง บริเวณหมู่บ้านแม่หวาน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เพื่อไปส่งให้เจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยว โดยมีรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้อีกหลายสิบคัน ส่วนอีกกว่า 150 คน เดินทางออกจากพื้นที่แล้ว หลังมีการซ่อมแซมถนนช่วง กม.ที่40 บ้านปางแฟนจนรถสัญจรได้ คาดว่าจะเปิดเส้นทางได้เร็วที่สุดคืนนี้
ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งกู้สภาพถนนที่ กม.33 โดยนำสะพานเบลีย์มาติดตั้งหลังฝนหยุดตก และน้ำที่ไหลผ่านลดความเชี่ยวลง คาดว่าจะสามารถติดตั้งเพื่อเปิดเส้นทาง หลังจากน้ำป่าพัดถล่มเส้นทางสายนี้ตั้งแต่ กม.ที่ 33-40 จนเสียหายถึง 6 จุด แต่ซ่อมแซมได้แล้ว 4 จุด เหลือเพียง 2 จุด คาดว่าจะเปิดการสัญจรได้ภายในวันนี้
ลำปางน้ำเริ่มลด
ส่วนที่ จ.ลำปาง น้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เหนือ อ.เมืองปาน อ.แจ้ห่ม และ อ.งาว โดยหนักสุดที่ อ.วังเหนือ เช้านี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำวังและแม่น้ำสาขาที่ไหลหลากจากดอยหลวง ล้นลำห้วยต่างๆ เข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร พบว่าเริ่มลดระดับลงแล้ว สะพานข้ามหมู่บ้านเริ่มกลับมาใช้งานได้ตามปกติ เช่นเดียวกับวัดบ้านใหม่วิทยา และวัดพระธาตุสบแสด น้ำไหลท่วมบริเวณกุฏิพระ และพื้นที่ด้านหน้าวัดทั้งหมด พบว่าระดับน้ำลดลงอยู่ในระดับต่ำ และเริ่มกลับสู่ภาวะปกติในระดับหนึ่ง หากฝนไม่ตกลงมาสมทบอีก สรุปพื้นที่ได้รับผลกระทบรวม 4 อำเภอ 13 ตำบล 64 หมู่บ้าน 2,180 ครัวเรือน
ตรังฝนกระหน่ำ ต้นไม้ล้มทับบ้านพัง-วัวดับ
ขณะที่ จ.ตรัง อิทธิพลจากพายุดีเปรสชันซินลากู ทำให้ฝนตกหนัก และลมกระโชกแรงติดต่อกัน2-3วันที่ผ่านมา มีกระแสไฟฟ้าขัดข้องในหลายพื้นที่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองปรือ พร้อมคณะเร่งสำรวจความเสียหาย พร้อมระดมเจ้าหน้าที่นำกระเบื้องมุงหลังคาบ้านให้แก่ประชาชน ซึ่งหลายหมู่บ้านถูกต้นไม้ล้มทับหลังคา ทำกระเบื้องมุงหลังคาแตกปลิวเสียหาย รวม 11 หลังคาเรือน ต้องใช้กระเบื้องรวม 450 แผ่น รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า ที่นอน เปียกฝน รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าได้รับความเสียหาย
โดยบ้านของนางนงเยาว์ นาทอง พบว่า ต้นมะกอกป่าขนาดใหญ่ล้มทับหลังคาเรือน ทำฝาผนังบ้านพังลงมาทั้งแถบ ล้มทับข้าวของเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเสียหาย และใกล้เตียงนอนที่สามีภรรยานอนด้วยกัน โชคดีที่ทั้งคู่รอดตายหวุดหวิด โดยนางนงเยาว์ ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตกเล็กน้อย เย็บ 3 เข็ม แต่บ้านเรือนพังเสียหายทั้งหลัง
ส่วนบริเวณหลังบ้านของนางวิรัตน์ อินทร์แก้วศรี พบว่า ต้นเทพทาโรขนาดใหญ่ อายุประมาณ 50 ปี ล้มทับลงบนหลังคาโรงเรือน ทำให้คอกวัวแยกเป็น 2 ซีก มีวัวในคอก 12 ตัว ต้นเทพทาโรล้มทับวัวเพศเมียตาย 1 ตัว และทับบริเวณส่วนสะโพกของวัวแม่พันธุ์จนสะโพกหัก บาดเจ็บสาหัสอีก 1 ตัว ซึ่งไม่สามารถจะรักษาได้ เตรียมนำไปชำแหละเช่นเดียวกับตัวแรก ส่วนวัวที่เหลือตกใจกระโดดวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง.-สำนักข่าวไทย